top of page
ค้นหา

เจาะเบื้องลึกกับธุรกิจรับสร้างบ้าน กับ “คุณศิริพร สิงหรัญ” ผู้ก่อตั้ง บริษัท ลีอาร์คีเทค จำกัด

  • รูปภาพนักเขียน: advancedbizmagazine
    advancedbizmagazine
  • 7 ธ.ค. 2558
  • ยาว 3 นาที

นักธุรกิจทุกคน เมื่อปฏิบัติตนและดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและถูกต้องตามทำนองครองธรรมแล้วถึงแม้จะเจอปัญหา อุปสรรค ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี “ศิริพร สิงหรัญ” ได้พิสูจน์ ว่า “ความซื่อสัตย์” เป็นปรัชญาที่ดีที่สุดของการทำธุรกิจ หลังจากจบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตลาดกระบัง ปีการศึกษา 2526 เธอได้ทำงานในสายงานออกแบบอาคารทั่วไป ควบคู่ไปกับการรับงานก่อสร้าง และจากการสั่งสมประสบการณ์ในสายวิชาชีพมากกว่า 10 ปี จึงได้เริ่มก่อตั้ง บริษัท ลีอาร์คีเทค จำกัด ขึ้นในวันที่ 21 กรกฎาคม 2538 เพื่อดำเนินธุรกิจด้านงานออกแบบและงานก่อสร้างอาคารทั่วไป จนปัจจุบันธุรกิจถึงเส้นชัยที่วางไว้ แต่เป้าหมายหลายๆ อย่างไม่ใช่สิ่งที่จะไปถึงกันได้ง่ายๆ แต่เธอได้ฟันฝ่าธุรกิจรับสร้างบ้านจนสำเร็จ ภายใต้สโลแกน “ร่างฝัน สร้างบ้านบนรอยยิ้ม” We built your smile.

ศิริพร สิงหรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลี-อาร์คีเทค จำกัด กล่าวว่า “มาเปิดบริษัท ก็ยังเน้นงานออกแบบบ้านเป็นหลัก จนถึงจุดหนึ่งที่คิดว่า การทำบ้านให้สมบูรณ์แบบได้นั้นจะต้องคิดถึงเรื่องของตกแต่งภายใน ควบคู่ไปกับการออกแบบบ้าน เพราะที่ผ่านมาในระหว่างการก่อสร้าง เราจะเคยเจอปัญหาเมื่องานออกแบบตกแต่งภายในเข้ามาแล้ว ต้องทุบนู่น ต้องรื้อนี้ ต้องปรับปรุงแบบอีกมากมาย จากประสบการณ์โดยตรงนี้จึงได้ปรับการทำงาน ลดข้อขัดแย้ง จึงได้เพิ่มความพิถีพิถันในการออกแบบบ้านให้ลูกค้า พร้อมทั้งจะต้องออกแบบการจัดวางตำแหน่ง ของเฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

เมื่อลูกค้ามาตกแต่งภายในภายหลัง จะแก้ Function ต่างๆ ได้ค่อนข้างจะยาก โดยมากเพียงทำได้แค่แต่งเสริม ออกแบบบรรยากาศของความน่าอยู่ ภายในให้สวยงามตามสไตล์เจ้าของบ้าน

ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานมีความสมบูรณ์แบบและต่อเนื่อง ลดปัญหาความไม่สัมพันธ์กันระหว่างแบบบ้าน การก่อสร้าง และการตกแต่งภายใน เราจึงเพิ่มงานทำตกแต่งภายในเป็นการบริการธุรกิจที่ครบวงจร ศิริพร สิงหรัญ กล่าวว่า “ในการออกแบบบ้านเราจะให้ความใส่ใจ ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มรับข้อมูลลูกค้า เราต้องคุยให้รู้ถึงความต้องการ Function ที่แท้จริง เจาะไปถึง ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อที่ให้งานออกแบบ ให้สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งความยากของการสร้างบ้านขึ้นมาหลังหนึ่งไม่เพียงแค่ ออกแบบบ้านให้ลูกค้า แล้วก่อสร้างบ้านให้เขาเสร็จเรียบร้อยในวันนี้ เรายังต้องคำนึงถึงความสะดวก สบาย ที่เขาจะใช้ประโยชน์จากบ้านที่สร้างให้ในอนาคตว่าเขาสามารถอยู่ได้จริงอย่างมีความสุข หรือเปล่านี้ คือความมุ่งมั่นและตั้งใจของบริษัทฯ

การตั้งเป้าการทำงาน เรามุ่งหวังที่จะสร้างการเติบโต ภายใต้ความแข็งแกร่งขององค์กรเสียก่อน ฉะนั้นเราจะตั้งเป้าในสิ่งที่เราพิชิตได้ จากจุดแข็งที่เรามีอยู่ ก็จะเป็นในเรื่องของบุคลากรด้าน วิชาชีพ ที่เรามีความพร้อม ตั้งแต่เรื่องของงานขาย ทางบริษัทฯ ก็จะใช้สถาปนิก เป็นฝ่ายขายแล้วก็มีทีมงานออกแบบที่มีประสบการณ์ ที่จะนำเสนองานออกแบบให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีทีมงานก่อสร้างทีมหัวหน้าช่าง ทีมช่างมืออาชีพ ที่เป็นของเราเอง บริษัทเราไม่ใช้แรงงานต่างด้าว ในการทำงาน จึงเป็นความภูมิใจที่มีทีมงานที่พร้อม เราเชื่อว่าองค์กรจะต้องเติบโต อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยทีมงานที่มีความมุ่งมั่นและเข้มแข็ง ตามหลักการของคำว่า Strong together ไปด้วยกัน เราก็จึงตั้งเป้า เป็นสิ่งที่ไม่ไกลตัวจากตัวเรา และมีเป้าหมายในวันข้างหน้า “ลีอาร์คีเทค” หวังว่าจะเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่คนมีบ้านอยากใช้บริการสร้างบ้านให้

ปัจจุบัน คุณภาพและการบริการถือเป็นมาตรฐาน เบื้องต้นของการแข่งขัน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร การใส่ใจให้ความสำคัญกับคุณภาพ และเน้นประสิทธิภาพของการบริการยังเป็นอันดับหนึ่ง จนลูกค้าซึ้งน้ำใจ ศิริพร ได้เน้นเรื่องนี้ว่า “ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลง การแข่งขันค่อนข้างสูงมาก มีบริษัทใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย เนื่องจากว่าในตลาดมีบุคคลากรสายอาชีพออกแบบและก่อสร้างจำนวนมากธุรกิจ ในธุรกิจนี้จึงดูเหมือนจะเข้ามาง่าย แต่ในความเป็นจริง การที่จะอยู่ให้แบบยั่งยืนจะยากมาก เพราะว่าการทำงานสร้างบ้านเป็นเรื่อง ที่ละเอียดอ่อน เราจะต้องเข้าถึงหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจรับสร้างบ้าน นั้นคือเรื่องของการบริการ เราต้องใช้ความรู้ความสามารถของเราในการสื่อสารกับลูกค้า ถึงความต้องการของลูกค้าให้ละเอียดแล้วกลั่นกรองมาเป็นแบบบ้าน และในระหว่างทางของการก่อสร้าง บางครั้งอาจจะมีสิ่งใหม่ๆ ที่เขาต้องการเพิ่มหรืออาจจะบอกเราได้ไม่หมด ก็อาจมีผลให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทำให้งานก่อสร้างสะดุด ข้อสำคัญก็คือว่า ทำอย่างไรที่ทีมงานของบริษัทฯ สามารถที่จะดึงความต้องการที่เขามีอยู่ หรือข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นองค์ประกอบ ทำอย่างไรให้เขาสื่อบอกเรามาได้ เพราะหลายๆ ครั้งที่ลูกค้าบอกเราเสมอ ว่าไม่รู้จะบอกเราอย่างไร ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีปัญหา เข้ามาแล้วบอกไม่ถูก ว่าจะอยากได้บ้านแบบไหน อย่างไรเรียกว่า Modern อย่างไรเรียก ร่วมสมัย จึงเป็นที่มาของการสร้างคู่มือในการทำงานให้กับทีมงาน โดยเฉพาะในด้านการออกแบบ การนำเสนอแบบบ้าน ตลอดจนการให้คำแนะนำข้อมูลวัสดุทางเลือกต่างๆ เราจะต้องมีวิธีการสื่อ การสอบถาม แสดงข้อมูลให้ลูกค้าเข้าใจเห็นภาพที่ถูกต้อง ลูกค้าสามารถทตอบโจทย์ ข้อมูลความต้องการได้อย่างสมบูรณ์ เราทำคู่มือเป็นแบบและตัวอย่างแสดง รายละเอียดส่วนต่างๆของบ้านให้ชัดเจนเช่น การเก็บภาพให้ลูกค้าดูประกอบ จะมีทั้งภาพผลงานที่เป็นของเรา แล้วก็เป็นภาพมาจากการค้นหาข้อมูล ตามนิตยสารต่างๆ อินเตอร์เน็ต รวบรวมให้มาเป็นหมวดหมู่ให้ลูกค้าใช้ประกอบการตัดสินใจเป็นทางเลือก ยกตัวอย่างเรื่องรูปแบบประตูห้อง เราก็จะมีภาพตัวอย่าง ที่มีรูปแบบต่างๆ ต่างชนิด ต่าง Style ให้ลูกค้าพิจารณา มาให้ลูกค้าได้เปรียบเทียบตามความต้องการ ซึ่งทางบริษัทได้เตรียมข้อมูลรายละเอียดอื่นๆ ไว้อีกมากมาย

...ดังนั้นในระหว่างการสร้างบ้าน 1 หลัง นั้น เราเปรียบเสมือนกับการเดินทางไกล เช่น เราเดินทางจากกรุงเทพ ไปเชียงใหม่ ในระหว่างทาง ลูกค้าอาจจะเจอความหลากหลายของบ้านเมืองที่เปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์ที่ต่างไปของผู้คนที่อยู่ข้างทาง ซึ่งระหว่างการสร้างบ้าน ลูกค้าอาจไปเจอวัสดุใหม่ๆ หรืออาจไปทำงาน แวะทานข้าวที่โรงแรมหรูหรา สักแห่งหนึ่ง แล้วเกิดไอเดีย ชอบ ประทับใจบรรยากาศ ที่พบเห็นแล้วอยากได้มาไว้ในบ้านด้วย ดังนั้น การออกแบบและการสร้างบ้าน ไม่ได้จบเพียงแค่แบบในกระดาษ หรือ บนโต๊ะ แต่ในระหว่างการก่อสร้างอาจจะมีหลายปัจจัยเข้ามาเป็นทางเลือก เข้ามาปรับเปลี่ยนความต้องการเดิมซึ่งเราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ทำอย่างไรที่เราสามารถทำให้ลูกค้าฉุกคิดได้ก่อนที่เราจะลงมือก่อสร้างเพื่อทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ให้การก่อสร้างราบรื่น ความยากจึงอยู่ตรงนี้

...จากประสบการณ์ต่างๆ ที่เราทำมาตลอดเกือบ 20 ปี ทุกวันนี้ การสร้างบ้านก็ยังมีปัญหาที่ไม่จบ จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ เพราะว่าเราจะเจอโจทย์ เงื่อนไข หรือไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่แตกต่างไปเสมอ อีกทั้งโลกเราก็มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ปัจจุบันเข้าสู่ ยุคดิจิตอล เราไม่สามารถจะหยุดอยู่กับที่ ฉะนั้นเราก็ต้องมีการพัฒนาตนเอง หาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ตามความต้องการใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานทุกเวลา ดังนั้นส่วนใหญ่ลูกค้าที่จะมาสร้างบ้านกับเราจะดูผลงานที่เรามีอยู่ ที่สร้างความเชื่อมั่นและเป็นภาพจริงที่สัมผัสได้คือ ไซต์งาน ที่หน่วยงานก่อสร้างก็จะเห็นถึงความตั้งใจและพิถีพิถันของการทำงาน และสามารถเข้าใจถึงรายละเอียดของความต้องการในแต่ละส่วนได้ชัดเจน

ด้วยความสามารถในการรองรับงานออกแบบได้หลายประเภท และหลากสไตล์ สร้างสรรค์งานออกแบบทุกชิ้น ให้มีความแตก-ต่างเป็นเอกลักษณ์ จน “ลีอาร์คีเทค”เป็นที่ยอมรับของลูกค้าอย่างกว้างขวาง ศิริพร สิงหรัญ ได้ให้ความเห็นว่า “กลุ่มเป้าหมายของเรา เราตั้งระดับราคาเป็นเกณฑ์อยู่ในระดับกลางบน ลูกค้า ของบริษัทฯ ปัจจุบันจึงมีอายุ 3 ระดับ คือ 25-35, 35-50, 50 ปี ขึ้นไป คนรุ่นระดับ อายุ 35 ขึ้นไป เป็นกลุ่มส่วนใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่ก็สร้างบ้านเป็นของตัวเองมากขึ้น จัดอาชีพแบ่งเป็นกลุ่ม วิศวกร กัปตัน นักบิน พนักงานองค์กรระดับของหัวหน้างานผู้จัดการขึ้นไป และกลุ่มเจ้าของธุรกิจ เป็นอัตราส่วนประมาณ 40/60 ซึ่งลูกค้าเหล่านี้จะประทับใจ เรื่องของงานออกแบบ ลูกค้าจะมีความต้องการแบบบ้านที่ทันสมัย มีเอกลักษณ์โดด-เด่น ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ของเรา ด้วยความที่เราเป็นสถาปนิกเอง ดังนั้นเวลาที่เรามารับทำธุรกิจด้านนี้ เราก็จะใช้จิตวิญญาณของการเป็นสถาปนิกและประสบการณ์ มาสร้างสรรค์การออกแบบบ้านให้สวยทันสมัยและสมบูรณ์แบบ ถามว่าที่อื่นทำเหมือนกันไหม ก็บอกได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ทุกคนปรับตัว ค่อนข้าง จะแย่งชิงกันในเรื่องของแบบบ้านเหมือนๆ กัน เราเองจึงต้องมีการพัฒนาใหม่ๆที่ฉีกหนี ตลอดเวลา โดยเราจะนำวัสดุใหม่ๆ เข้ามาใช้ เป็นองค์ประกอบของบ้าน ที่ทำให้เกิดความแตกต่างที่ให้สิ่งใหม่ๆ แก่ลูกค้า ได้อย่างประทับใจ

...ส่วนแบบบ้านจะมีแบบมาตรฐานให้ลูกค้าเลือก 3 สไตล์ สไตล์ Modern ,Contemporary และ Oriental ในการทำงานเราจะให้ความสำคัญกับงบประมาณ ควบคู่กับความต้องการประโยชน์ใช้สอยและวัสดุที่ใช้ ในการออกแบบทุกครั้ง เราจะประเมินราคาให้ด้วยเบื้องต้น เราจะวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าทุกครั้งไป จึงทำให้ราคาสร้างบ้านเป็นไปตามงบประมาณและแบบบ้านตรงความต้องของลูกค้า ซึ่งเป็นจุดที่เราได้เปรียบบริษัทสถาปนิกทั่วไป จะไม่สามารถประเมินราคาให้ได้ อย่างเช่น เราไปออกบู๊ทแต่ละครั้ง จะมีลูกค้าเอาแบบก่อสร้างมาให้เสนอราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ได้ราคาตามที่สถาปนิกบอก เพราะสถาปนิกกับเราคิดคนละวิธี ซึ่งสถาปนิกคิดค่าเฉลี่ยทั่วไปที่ต่อตารางเมตร แต่ของเราคิดวิเคราะห์จากความซับซ้อนของแบบโดยตรง เลยทำให้มีราคาที่แตกต่างกันไป เราออกแบบตามงบประมาณที่มีอยู่ แล้วถ้ามีงบประมาณเหลือ เราก็สามารถจะแจ้งลูกค้าได้ถึงทางเลือกของวัสดุหรือขนาดของบ้าน สามารถเลือกออฟชั่นวัสดุที่แพงขึ้นหรือขยายพื้นที่ของบ้าน ตามที่ลูกค้าต้องการได้

การสร้างบ้านเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกๆ บริษัทให้ความสำคัญ ตามความชำนาญและเชี่ยวชาญ การสร้างบ้านมีหลายระบบแต่ของบริษัทเราจะใช้ระบบหล่อในที่ เนื่องจากแบบบ้านของเรา เน้นรูปแบบดีไซน์และความเป็นเอกลักษณ์ของบ้าน ปัจจุบันเรานำเสนอแบบบ้านใหม่ ซึ่งค่อนข้าง จะมีจำนวนน้อยในตลาด คือแบบบ้านโครงสร้างเหล็ก ที่ยังไม่ค่อยมีคนนำมาใช้เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง แต่ว่า... เราไม่ใช้โครงสร้างเหล็กในแง่ของความง่ายของบางตลาดที่เขาทำอยู่ หรือเป็นบ้านสำเร็จรูป แต่เราทำโครงสร้างเหล็กเพื่อเพิ่ม Value ของการดีไซน์ บ้านก็จะได้รูปแบบแปลกใหม่กว่าเดิมไม่จำเจ เนื่องจากคุณสมบัติของเหล็กทำได้หลายๆ อย่าง ที่คอนกรีตไม่สามารถทำได้ แบบบ้านมีความโปร่งโล่ง บางเบา ผสมผสานกับวัสดุหินและกระจก ทำให้ดูทันสมัย สวยเรียบ เท่ห์ แตกต่าง ค่อนข้างชัดเจนและเหมาะกับคนรุ่นใหม่ยุคนี้เป็นอย่างยิ่ง”

...การทำธุรกิจ คือการประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหา และการแก้ปัญหาต่างๆ ล้วนได้มาจากหลักการดีๆ ในการดำเนินธุรกิจ ศิริพร สิงหรัญ ให้ข้อคิดว่า “ตอนที่เราทำธุรกิจ เราใช้หลักการของ LEE Concept คิดว่า LEE Concept มาจากอะไร L ตัวแรก คือ

L : LEAN MANAGEMENT : การบริหารแบบ LEAN ด้วยการกำหนดขอบเขตของธุรกิจที่ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้มีขนาดองค์กรที่เหมาะสม การวางแผนการทำงานให้มีความกระชับ คล่องตัว เพื่อให้ได้ต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่งก็ยังสามารถตอบโจทย์สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ความต้องการใหม่ ตามยุค New normal ในปัจจุบัน

E : Environment Focus : ในสถานะเป็นผู้ออกแบบ เราให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในลักษณะ 2 ประเด็น เรื่องการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการออกแบบที่คำนึงถึงความสวยงามของสภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในโดยเฉพาะงานส่วนใหญ่ของเราจะเป็นการสร้างบ้านพื้นที่ในเมือง อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงความไม่น่ามองรอบๆ เราจึงต้องอาศัยการออกแบบช่วยสร้างมุมมองที่สวยงาม น่าอยู่และความเป็นส่วนตัว เมื่ออยู่ภายในบ้าน

E : Energy Saving: ในยุคโลกาภิวัตน์การคำนึงถึงเรื่องการประหยัดพลังงานเป็นปัจจัยพื้น-ฐาน ที่ต้องมีในการออกแบบและสร้างบ้าน ตั้งแต่เริ่มต้นออกแบบโครงการ วางตำแหน่งอาคารตามทิศทางของแสงแดดและสายลม การเลือกใช้วัสดุประหยัดพลังงาน ด้านความต้องการของเทคโนโลยี ทำให้เรามีทางเลือกที่หลากหลาย ที่สำคัญ เราได้นำเสนอพลังงานทางเลือกให้กับลูกค้าที่มาสร้างบ้าน ตั้งแต่เมื่อ 10 ปี ที่ผ่านมา การใช้ไฟแสงสว่างจาก Solar Sell ซึ่งสมัยนั้นยังมีราคาสูงมาก โดยอาคาร ลีอาร์คีเทค หลังนี้ได้ใช้ไฟแสงสว่างจาก Solar Cell เช่นกัน และได้รับรางวัลอนุรักษ์พลังงานดีเด่น จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานในปี 2557 ที่ผ่านมา”

ชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ โดยเฉพาะคำพ่อสอน จะเป็นบทเรียนและเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต มีความก้าวหน้า เติบโต และเข้มแข็งขึ้น เพราะแรงบันดาลใจจากคำสอนของพ่อให้มีความพร้อมในการทำธุรกิจ ซึ่งศิริพร กล่าวว่า “ในเรื่องของแรงบันดาลใจ...นั้นต้องกล่าวถึงของคนใกล้ตัวดีกว่า เนื่องจากว่า คุณพ่อ ทำธุรกิจเรื่องของยางพารา ท่านเน้นเรื่องของความซื่อสัตย์ จึงได้ตั้งเป็นปณิธานในการทำงาน คุณพ่อ สอนเสมอมาว่า การทำธุรกิจ เราต้องมีความซื่อสัตย์ เราอย่าเบียดเบียนคนอื่น เราจะยอมให้คนอื่นเอาเปรียบเราดีกว่าที่เราจะเอาเปรียบคนอื่น ทุกวันนี้เราก็ยังยึดมั่นในคำสอน บางครั้งก็อาจจะมีข้อขัดแย้งกับลูกค้า หรือความไม่เข้าใจกัน เราใช่จุดนี้มาเป็นตัวบรรเทาให้กำลังใจกับตัวเราเอง เราก็ปลูกฝังกับพนักงานด้วย ตั้งแต่เริ่มทำงานถึงความซื่อสัตย์ จะต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและองค์กร การซื่อสัตย์กับตัวเอง ก็คือ ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ตัวเองมีอยู่ ซื่อสัตย์ต่อองค์กร ต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยที่องค์กรตั้งไว้”

บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรให้มีแนวคิดแบบ Positive Thinking ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคน ให้ทีมงานทุกคนมีความสุขในการทำงาน ทำงานกันด้วยใจที่มีความฝัน และร่วมมือร่วมใจสานฝันนำธุรกิจไปสู่อนาคตด้วยความรุ่งโรจน์ ศิริพร สิงหรัญ กล่าวว่า “เพราะบริษัทเราจะทำงานตรงเวลา เข้างานและเลิกงานตรงเวลา เวลาทำงานก็ขอให้ทำงานด้วยประสิทธิภาพเต็มที่ เวลาเลิกงานก็กลับไปพักผ่อนมีความสุขกับชีวิตครอบครัวและเพื่อนฝูง อย่างมีคุณภาพของชีวิตที่ดี หลายๆครั้ง จะมีคนถามว่า “ลีอาร์คีเทค” ทำด้านงานออกแบบ ไม่ทำงานล่วงเวลาแล้วจะทำงานทันเวลาได้หรือ คิดงานออกหรือ เราต้องฝึกวินัยการทำงาน เพราะเราเชื่อว่าการทำงานของคนนั้นมันไม่ใช่เครื่องจักรที่จะทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน ถ้าทำงานล่วงเวลาบ่อยครั้ง ร่างกายก็จะต้องเมื่อยล้า สุขภาพแย่ หากเป็นเครื่องจักรก็เสียได้ หรือหากทำงานล่วงเวลามาแล้ว ช่วงเวลาทำงานปกติก็ต้องไปหลับในเวลาที่ทำงานหรือทำงานไม่เต็มที่มันก็ไม่มีประโยชน์ ช่วงเวลาที่ทำงานขอให้ทำงานให้เต็มที่ ถึงเวลาพักผ่อนก็พักผ่อน จะซีเรียสเรื่องของเวลา เพราะฉะนั้นพนักงานมาสายจะซีเรียส เพราะเราไม่สามารถทำงานได้คนเดียว ต้องทำงานไปพร้อมกันกับคนอื่นด้วย และอีกคนที่เป็นบุคคลคอยให้คำแนะนำ คือ พี่ชายดิฉันเอง ด.ร.ปรีดี ลีลาเศรษฐวงศ์ ก็จะเป็นกรรมการบริหาร บริษัท ทองไทยเทคนิคอลรับเบอร์ จำกัด เป็นบริษัทยางพารา เป็นต้น เขาก็จะสอนเราเสมอว่า ในการทำงานบางครั้งอาจพบปัญหาให้ตั้งสติว่า ทุกวิกฤติต้องมีโอกาส หากเรามีปัญหาอย่างไรขึ้นมาขอให้วิกฤตินั้นเป็นโอกาสทุกครั้งในการแก้ไขให้มีสิ่งที่ดี ดีกว่าเดิม แต่สิ่งที่ต้องระวังเสมอคือ ทุกโอกาสก็มีวิกฤติเช่นกัน หากเราตั้งอยู่ในความประมาท โอกาสที่ได้มาอาจเป็นวิกฤติสำหรับเราในอนาคตด้วย ในคำสอนคุณพ่อกับพี่ชายจะเป็น สิ่งที่เรายึด เป็นแนวทางของการทำงานจนถึงปัจจุบัน”

ทุกคนจะต้องมีไอดอล ส่วนไอดอลของศิริพร “ถ้าพูดถึงไอดอลทางบุคคลสาธารณะ คนที่ชอบ คือ “แจ็ค หม่า” ชอบมาก อาจจะเป็นเพราะว่าในทุกวันนี้การเริ่มต้นทำธุรกิจดูมันยาก มักมีคนมาขอคำแนะนำว่า จะทำอะไรดี ธุรกิจทุกตัวในตลาดล้วนมีคนทำจำนวนมากอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าจะไปหาช่องว่างจากตลาดตรงไหน ที่จะให้ทำธุรกิจได้ สมมุติจะขายกาแฟ ร้านกาแฟก็เปิดมากเลย จะทำอะไรก็มีคู่แข่งเจ้าเดิมอยู่แล้ว ถ้าเราคิดอย่างนั้น เราก็ไม่ต้องทำอะไร ดูอย่าง แจ็ค หม่า ใช้ช่องว่างในอากาศ สร้างโอกาส สร้างธุรกิจจนธุรกิจใหญ่โตได้ ในทุกวันนี้ เราก็ต้องมีความคิดในเชิงบวก ที่สร้างสรรค์ เพียงขอให้เราใช้ความคิดวิเคราะห์และตั้งใจจริงๆ มันจะหาโอกาสได้ นี่คือความสามารถของแจ็ค หม่า

ยามวิกฤตย่อมมีทางออก แต่ทางออกของแต่ละคนย่อมมีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไป ซึ่งศิริพร มีวิธีแก้ปัญหาดังนี้ “ขอยกตัวอย่างในปีนี้ วิกฤติเศรษฐกิจมาแรงที่สุดเราก็จะใช้ในเรื่องของการตลาดด้วยการจัดโปรโมชั่น ในการจูงใจลูกค้าเริ่มโดยใช้วิธีการบริหารต้นทุนที่มีอยู่ให้กระชับ ให้เหลือช่องว่างของต้นทุน จำนวนหนึ่ง นำมาคืนกำไรลดราคาให้กับลูกค้า จากนั้นเราสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยวิเคราะห์ว่าวัสดุใดที่ลูกค้ามักจะชอบและได้ประโยชน์อย่างแท้จริง โดยจับมือกับพันธมิตรการค้าในการทำโปรโมชั่นร่วม กันปรับวัสดุให้ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งลูกค้าจะชอบมากเลย ได้ของดีราคาไม่แพง นอกจากนี้ เราก็หาโอกาสในตลาดพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่กังวล เรื่องของแผ่นดินไหว เราก็ได้เพิ่มโครงสร้างในการต้านแผ่นดินไหวและเพิ่ม Value ของการบริการโดยนำระบบโซล่าเซลล์ มานำเสนอให้ลูกค้า เป็นการร่นระยะเวลาในการตัดสินใจสร้างบ้าน ซึ่งก็ถือว่าได้รับผลสำเร็จพอสมควร เนื่องจากนำเสนอในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าจริงๆ แล้วก็เป็นเทรนด์ที่อยู่ในความต้องการ”

การเปิดตลาดเสรีอาเซียนย่อมมีผลดี และผลเสียต่อธุรกิจ แต่ศิริพร ได้ให้ข้อคิดอย่างน่าฟังว่า “เรามอง AEC นี้เป็นทั้งโอกาส ทั้งวิกฤติก็ได้ เรามองทั้งสองด้านในแง่ของวิกฤติเราจะมองในเรื่อง ของคนกลุ่มใหม่ๆ กลุ่มต่างชาติ ที่เข้ามาซึ่งจะมีเงินลงทุนที่หนากว่าหรือมีเทคโนโลยีที่มากกว่าเข้ามาในการตลาดมีกำลังมากกว่ามีความได้เปรียบในการแข่งขัน แต่ในด้านของโอกาสเรามองว่ามีโอกาสที่ดี ในเรื่องของการได้ลูกค้ากลุ่มใหม่นะค่ะอย่างในตลาดเพื่อนบ้านเรา มองแล้วใน AEC นี้ กลุ่มที่เข็มแข็งกว่าเราน่าจะมีแค่ 2 ประเทศเอง คือ ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย แต่ในชาติอาเซียนด้วยกันที่มองจากข่าวสารเราจัดเป็นประเทศที่กลุ่มเพื่อนบ้านให้ความสนใจในเรื่องของการสร้างบ้านหลังที่ 2 ในประเทศไทย เราก็จะเชื่อว่าเรามีโอกาสได้ลูกค้าจากอาเซียน ด้วยผลิตภัณฑ์ของเรามีหลายแบบ หลายประเภท โอกาสที่จะได้สร้างบ้าน โฮมออฟฟิศ สร้างสำนักงาน สำหรับเราค่อนข้างเยอะนอกจากนี้แรงงานที่อาจจะเคลื่อนไหวเข้ามา เพิ่มโอกาสได้ใช้แรงงาน สถาปนิก หรือวิศวกรอื่นเข้ามาช่วยเราในการทำงานมากขึ้น แต่ธุรกิจการสร้างบ้านแบบ Individual design นี้น่าจะไม่เข้ามาง่ายๆ เพราะมันเป็นธุรกิจที่เป็นการบริการที่ต้องมี Service mind ซึ่งคนไทยมีสิ่งนี้มากกว่าคนต่างชาติ

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำธุรกิจนี้ อย่างที่เรียนไปว่า เข้ามาไม่ยาก แต่ข้อเท็จจริงการสร้างบ้านหลังหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ ตลอดรอดฝั่งดูไม่น่าจะยุ่งยาก เรื่องของแบบบ้าน ก็อาจสามารถที่จะทำได้ไม่ยากแต่การที่จะบริหารงานก่อสร้างให้ได้ต้นทุน และเวลา มีกำไรให้อยู่ได้กับภาวะผันผวนในยุคนี้ เป็นเรื่องที่ต้องตระหนัก จะเห็นว่าในตลาดที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องของแรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว และยังขาดแคลนช่างฝีมืออยู่ การทำให้ธุรกิจอยู่รอด โดยที่สามารถบริหารแรงงานให้อยู่กับเราตลอดเวลามันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สำคัญอย่าให้ตื่นเต้นกับโอกาสที่ได้งานได้เงินเข้ามาแบบง่ายๆ ขอให้ใช้หลักของเศรษฐกิจพอเพียงในการบริหารงานเชื่อว่า สามารถที่จะมีจุดเริ่มต้นที่ดีและทำได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง ”

ศิริพร สิงหรัญ นอกจากดำเนินธุรกิจจนอยู่แถวหน้าในวงการแล้วเธอยังรับหน้าที่เป็นอุปนายกฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้ให้ความเห็นว่า “สมาคมรับสร้างบ้านก็จะมีบทบาทในการสร้างความรับรู้ให้กับผู้บริโภค ผู้มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างทั่วไป และสมาชิกของสมาคมโดยได้จัดกิจกรรมงานสัมมนาให้ความรู้ ข้อมูลด้านต่างๆ อย่างเสมอมารวมทั้งจัดงานออกบูธให้สมาชิกซึ่งเป็นกิจกรรมหลักของสมาคมที่มีปีละ 2 ครั้ง

ในด้านความร่วมมือกับภาครัฐนั้นสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้สนับสนุนกิจกรรมของภาครัฐโดยเฉพาะด้านการศึกษามาโดยตลอด ปัจจุบันมีโครงการที่น่าสนใจ ขอยกตัวอย่าง 2 โครงการ

โครงการแรก โครงการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี สาขาเทคนิคการควบคุมการก่อสร้างระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) เป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา(สอศ.) โดยมอบหมายให้สมา-คมฯ ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคดุสิตเป็นผู้สอนและประเมินคุณภาพ โครงการนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของสมาคมฯ ในด้านทุนมนุษย์ และนโยบายของสอศ.ในการสนับสนุนการเพิ่มและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงรุ่นที่ 3 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เด็กเรียนด้านงานก่อสร้างน้อยลง ส่วนมากจะไปศึกษาด้านอื่นมากกว่า ทางสมาคมกับสมาชิกบริษัทรับสร้างบ้าน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาสาขาก่อสร้างเข้ามาทำงานและรับการสอนความรู้โดยตรงกับบริษัท สัปดาห์ละ 4 วัน อีก 2 วันไปเรียนที่วิทยาลัย ซึ่งจะทำให้เด็กที่จบออกมาแล้ว สามารถทำงานได้มีความรู้ตรงกับลักษณะงานของเราเลย ทางลีอาร์คีเทคได้รับนักศึกษาไว้ 1 คนเช่นกันคะ

โครงการที่2 โครงการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพสาขาอาชีพผู้ควบคุมงานก่อสร้าง เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างวิทยาลัยเทคนิคดุสิตและสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ภายใต้การสนับสนุนจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ(องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้งนี้โครงงานแรกได้ดำเนินการสำเร็จเรียบร้อยแล้วคะ

ในธุรกิจการสร้างบ้าน มีบริษัทต่างๆ อยู่หลากหลายในตลาดทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิกของสมาคม มีบ้านสร้างเองอยู่ประมาณ 50,000 ล้านบาท จะมีส่วนแบ่งตลาดของสมาคมแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทางสมาคมฯ ก็จะพยายามสร้างบรรทัดฐานของข้อตกลงโดยมีตัวอย่างสัญญามาตรฐานให้ผู้บริโภค สามารถเข้าไปดูข้อมูลทางเว็บไซด์ได้ ให้ความรู้ ความเข้าใจข้อคิดก่อนสร้างบ้านจะมีฐานข้อมูลอยู่ใน E-book ของสมาคมสามารถให้ไปสอบถามข้อมูลว่าจะต้อง เตรียมตัวอย่างไรก่อนสร้างบ้านจะคัดเลือกอย่างไร ให้ความรู้เบื้องต้น สำหรับผู้บริโภคได้อย่างพอเพียง

แต่สิ่งที่สำคัญของการสร้างบ้านจะเป็นเรื่องของการบริการ สามารถทำอย่างไร ให้ความรู้ ความเข้าใจให้กับคนที่จะสร้างบ้าน ปัญหาการถูกเอารัดเอาเปรียบของลูกค้า อาจจะไม่ใช่ ส่วนหนึ่งเชื่อว่าอยู่ที่การไม่เข้าใจในข้อตกลงกันมากกว่า ลูกค้าอาจเข้าใจอย่างหนึ่ง บริษัทเข้าใจอีกแบบหนึ่ง มองว่าการสื่อสารไม่เข้าใจกัน เพราะมันเป็นเรื่องของแบบบางครั้ง ลูกค้าจะบอกว่าอ่านแบบไม่ออก แต่ทางของผู้รับสร้างบ้าน อาจจะบอกว่าได้เขียนข้อตกลงและอธิบายไว้หมดแล้ว ก็คิดว่าน่าจะเข้าใจไม่ตรงกันซะมากกว่าการจะเอารัดเอาเปรียบกัน”

“ก่อนที่ตัดสินใจเลือกบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ก็ต้องดูหลายๆ อย่างด้วย ดูข้อตกลง ดูประสบการณ์ ดูเงื่อนไข แต่สมัยนี้มีข้อมูลมาก เขาจะสร้างบ้านที่ไม่เหมือนสมัยก่อน คนสมัยก่อนจะต้องราคาถูกไว้ก่อน สมัยนี้เขาต้องเลือก ว่าไม่ถูกทิ้งงาน ต้องดูผลงาน ต้องดูหลายๆ อย่าง ผลงานในปัจจุบันด้วยนะคะไม่ใช่ผลงานในอดีตนะคะ ปัจจุบันต้องดูอย่างรอบคอบ ก็สามารถไปค้นหาในเว็บไซด์ข้อมูลของสมาคมก็ได้ ถ้ามีปัญหาสามารถโทรศัพท์ปรึกษาที่สมาคมได้ทันที” ศิริพร สิงหรัญ กล่าวทิ้งท้าย

 
 
 

Commentaires


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page