Jamie Oliver จากเด็กที่มีความบกพร่อง แต่นำเขาไปสู่หนึ่งในเชฟที่ดังและรวยที่สุดในโลก
- Advanced Business Magazine
- 6 พ.ย. 2558
- ยาว 1 นาที

หลายปีที่ผ่านมานั้น ถ้าดูรายการทำอาหารจากต่างประเทศ จะมีต้องเชฟหน้าหล่อผู้โด่งดังระดับโลกอย่าง Jamie Oliver ผู้ที่มีฝีมือการทำอาหารได้อย่างชวนติดตามอย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่า Jamie Oliver ผู้ที่เขียนหนังสือวิธีทำอาหารเกือบ 20 เล่มนั้น (นักเขียนที่หนังสือขายดีที่สุดอันดับ 2 ในอังกฤษ รองจาก JK Rowling) กลับสามารถอ่านหนังสือเล่มแรกในชีวิตได้จบตอนอายุ 38 ไปแล้ว หนังสือที่ว่าคือ นิยายเรื่อง Hunger Games : Catching Fire เนื่องจากว่าเขาเป็น Dyslexia โรคความบกพร่องในการอ่านหนังสือ
แต่ในหน้าประวัติศาสตร์โลกแล้ว กลับไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่ เพราะมีบุคคลระดับโลกที่หลายคนที่เรารู้จักกันดีแบบคุ้นหูก็เป็นโรคนี้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น Alexander Graham Bell, Winston Churchill, Albert Einstein, Steve Jobs and George Washington แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่กล่าวมานี้ต้องทำทุกข์ทรมานต่อการเรียนรู้ที่ช้ากว่าคนอื่นในการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะ Jamie Oliver ในวัยเด็กโดนเพื่อนๆที่ไม่เข้าใจล้ออย่างน่าสงสาร
เพราะเขาจะมีอาการที่แปลกประหลาดที่ขัดแย้งกับความคิดของคนทั่วไป เพราะคนฉลาดคือคนเรียนเก่ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีแรงจูงใจในการทำงาน และมักได้รับการศึกษาดี ดังนั้นเขาจะต้องอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้ ส่วนคนที่อ่านผิดๆ ถูกๆ และจับใจความใดๆ ไม่ได้ จะทำให้เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง มีผลทำให้ขาดแรงจูงใจในการเรียน โดยปรกติคนที่มีอาการนี้แล้วครูและพ่อแม่ไม่ทราบจะคิดว่า เป็นคนขี้เกียจ โง่ และไม่เอาถ่าน ซึ่งความคิดเห็นเชิงลบเช่นนี้มีส่วนผลักดันให้เด็กเหล่านี้มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม ไม่ต้องการมาโรงเรียน หรือมีสมาธิสั้น เป็นต้น
แต่ในความโชคร้ายของเขานั้น เขากลับสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาจากข้อด้อยของเขา โดยเขาจะมีสมาธิกับการทำงานสูงกว่าคนอื่น โดยอันนี้เองเป็นหนทางนำไปสู่ความสำเร็จของเขาในที่สุด

แม้จะมีอุปสรรคหนักหนาเรื่องการเรียน แต่หนูน้อยคนนี้สนุกกับการทำอาหารและโชคดีที่พ่อแม่ของเขามีร้านอาหารกึ่งผับเล็กๆ เขาจึงมีที่ซ้อมมือในการทำอาหารได้ตลอด การทำอาหารเป็นสิ่งที่เขาหลงไหล เมื่อเรียนหนังสือจบเขาจึงพยายามหาร้านในร้านอาหารจะในที่สุดก็ได้โอกาสไปทำงานในร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่งและได้ค้นพบว่า อาหารอิตาเลี่ยนเป็นอาหารที่เขาทำได้ดีเป็นพิเศษ ในปี 1997 ผู้จัดของ BBC เห็นแววของเขาหลังจากได้ออกทีวีสั้นๆในรายการทำอาหารรายการหนึ่ง เนื่องจากสไตล์การพูดที่ไม่เหมือนใครและการทำอาหารที่ทำให้เรื่องยากๆดูง่าย จึงชวนเขามาทำรายการให้ BBC รายการนี้ชื่อ The Naked Chef ซึ่งทำให้ Jamie Oliver ดังเป็นพลุแตกและรายการทีวีอีกหลายสิบรายการตามมา เขาได้กลายเป็นเชฟที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยนิตยสาร Forbes Magazine ประมาณการณ์ทรัพย์สินของเขาว่ามีเกิน 10,000 ล้านบาท

Jamie ยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนอาหารของในโรงเรียนของอังกฤษให้ดีต่อสุขภาพเด็กมากขึ้น เมื่อการเรียกร้องของเขา ส่งผลในการแก้กฏเกณฑ์เรื่องการจัดหาอาหารในโรงเรียน เมื่อทำสำเร็จที่อังกฤษแล้วเขายังรณรงค์เรื่องนี้ต่อในอเมริกาอีกด้วย นอกจากนี้ ทุกๆปีเขายังมีโครงการที่ชื่อว่า fifteen ซึ่งเป็นการนำเอาเด็กด้อยโอกาสหรือมีปัญหา เข้ามาฝึกในร้านอาหารของเขาเพื่อที่จะมีโอกาสมีอาชีพและชีวิตที่ดีขึ้น “ปัญหาไม่ได้มาจากอุปสรรคที่ทุกคนมี ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อคนเหล่านั้นเอาอุปสรรคมาเป็นข้ออ้างในการดำเนินชีวิตมากกว่า” เขากล่าว
Credit: http://www.theguardian.com/,
http://www.thepowerofdyslexia.com/,
http://www.telegraph.co.uk/,
http://www.theloop.ca/,
http://www.thepowerofdyslexia.com/,
http://www.pantip.com,
http://www.manager.co.th/,
http://www.wegointer.com/
Commentaires