top of page
ค้นหา

“จีระนันท์ ภู่สมบุญ” เราอาจจะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่เรายังมีโอกาสถ้าเรายังไม่ยอมแพ้

  • รูปภาพนักเขียน: advancedbizmagazine
    advancedbizmagazine
  • 21 ต.ค. 2558
  • ยาว 2 นาที

I NEVER QUIT TRYING. I NEVER FELT THAT I DID NOT HAVE A CHANCE TO WIN

ปัญหาและอุปสรรคในชีวิตธุรกิจจะเล็กน้อยหรือใหญ่โต ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะเลือกจะมองใกล้หรือมองไกล โดยเฉพาะในเกมส์ธุรกิจ ถ้าเรายังอยู่ในเกมส์ เราอาจจะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่เราก็ยังมีโอกาส เพราะอย่างน้อยเราก็ยังไม่แพ้ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายการตลาดของบริษัทเทรดดิ้ง และโรงงานผลิตสินค้าไม้พื้นในกลุ่มบริษัทอารีย์ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไม้แบบครบวงจร ทั้งไม้พื้น ไม้อัด และวัสดุไม้เพื่อการก่อสร้าง ซึ่งดูแลเรื่องการซื้อ/ขายต่างประเทศ นำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ และส่งออกผลิตภัณฑ์ที่โรงงานของเราผลิตไปขายยังต่างประเทศ

โดยเน้นในส่วนของการเปิดตลาดใหม่ในโซนตะวันออกกลาง จีน ใต้หวัน รวมถึงขยายฐานลูกค้าในยุโรป และอเมริกาในทุกๆธุรกิจ ย่อมต้องมีอุปสรรคอยู่เสมอ ส่วนธุรกิจไม้ การเปลี่ยนแปลงหลักๆ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ โดยกลุ่มบริษัทของเราก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎของรัฐบาลที่ห้ามส่งออกไม้ซุง และไม้แปรรูป (วัตถุดิบ) โดยให้ส่งออกได้เฉพาะสินค้าสำเร็จรูปเท่านั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้มีการผลิตและการจ้างงานในประเทศ และเพิ่มมูลค่าของสินค้าอีกด้วย ในกรณีนี้กลุ่มบริษัทของเราที่เคยค้าขายไม้ซุง ไม้แปรรูปอย่างเดียวต้องตัดสินใจทำการแตกธุรกิจใหม่เพิ่ม โดยการเปิดโรงงานผลิตไม้พื้นสำเร็จรูป 2 โรงงานด้วยกัน คือ โรงงานอารีย์อภิรักษ์ จำกัด (ลูกค้าในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น) และโรงงานอารีย์ชัยวู้ดเทค จำกัด (ลูกค้าอเมริกา และยุโรป) ซึ่งนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจไม้ของกลุ่มบริษัทอารีย์ จีระนันท์ ภู่สมบุญ ได้ให้ข้อคิดไว้อย่างน่าฟังดังนี้ “ผลการดำเนินงานของบริษัทโดยภาพรวมถือว่ามีการเติบโตทางด้านการขยายตลาดค่อนข้างมากจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาด จากที่เราเคยเป็นโรงงานผลิตให้แบรนด์ต่างๆ ตอนนี้ในบางโปรเจ็ค เราก็เสนอเข้าไปในนามแบรนด์ของเราเองบ้าง เพื่อให้เป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น

และยิ่งตอนนี้ทายาท generation ที่ 3 ก็ได้เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจแล้ว เราก็หวังว่าเราจะเติบโต และมีการขยายธุรกิจอื่นๆ ต่อไป” ปัจจุบัน ได้เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจที่บ้านได้ประมาณเกือบ 3 ปีแล้ว โดยในช่วงแรก ดูแลเรื่องการนำเข้าไม้สนจากแคนาดา เพื่อมาทำตลาดก่อสร้างในประเทศไทย ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก หลังจากนั้นก็ขยับไปมองหาสินค้าอื่นๆ จากต่างประเทศ แล้วนำเข้าเพื่อมาทำตลาดในประเทศ ซึ่งโชคดีมากที่เราจับทางตลาดถูกได้สินค้าที่ตลาดให้การตอบรับที่ดีมาโดยตลอด ล่าสุดเพิ่งทำการ re-branding กลุ่มบริษัทให้ดูทันสมัย และดูเป็น professional มากขึ้น ถึงทั้งหมดนี้ อาจดูไม่ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ แต่ในมุมมองของเรา เราภูมิใจที่อย่างน้อยได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จนั้นการดำเนินธุรกิจในสมัยก่อน ผู้ขายจะนำสิ่งที่ตัวเองมีเสนอขายให้กับลูกค้า แต่ในปัจจุบัน ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลายและมีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น จึงทำให้การทำธุรกิจแบบเดิมๆ อาจไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อีกต่อไปหลังจากที่เข้ามาบริหารกิจการแล้ว พบว่าบริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินกิจการโดยให้ความสำคัญในศึกษาข้อมูลทางการตลาด และข้อมูลของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น เพื่อให้บริษัทฯ ทราบความต้องการที่ชัดเจนแล้วนำเอาข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ของเราให้เหมาะสมกับตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น หรือโดยสรุปแล้วคือ “การปรับกลยุทธ์จาก Production driven strategy เป็น Market driven strategy” ในช่วงที่ผ่านมา มีความสนใจ และศึกษาหาความรู้เรื่องช่องทางการค้าแบบ Modern Trade เนื่องกลุ่มบริษัทของเราเป็นทั้ง ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่าย (ค้าปลีก) แบบครบวงจรอยู่แล้ว แต่พอเรามาดูตลาดในประเทศไทย ถ้าลูกค้าต้องการวัสดุก่อสร้างแบบไม้ พื้นไม้ และสินค้าไม้ประเภทอื่นๆ ลูกค้าจะต้องไปที่ไหน ซึ่งถ้ามาพิจารณาจริงๆ แล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดเรื่องไม้แบบครบวงจรจริงๆ ในประเทศไทย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจ็คการทำศูนย์รวมวัสดุไม้เพื่อการก่อสร้าง และยิ่งได้ต้อนรับ และพูดคุยกับบริษัท Lumber Liquidator ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้แบบครบวงจรจากสหรัฐอเมริกาแล้ว เรายิ่งเห็นโอกาสความเป็นไปได้มากขึ้น ว่ามันควรจะมี woodmart, woodland, หรือ wood center ในประเทศเราบ้าง เพราะมันเป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ คือ ครอบครัว

โดยครอบคัรวจะอบรมสั่งสอนเรื่องความซื่อสัตย์เป็นหลัก โดยเฉพาะอากง (คุณอารีย์ ภู่สมบุญ) จะพูดอยู่เสมอว่า ความซื่อสัตย์ต่อคู่ค้า เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กลุ่มบริษัทของเรามานานกว่า 30 ปี ทุกวันนี้ก็นำเอาคำสอนของท่านมาปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันตลอด นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอีกหลายๆท่านที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำรงชีวิต ซึ่งก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของเรา แต่เนื่องจากช่วงนี้ เนื่องจากกำลังสนใจเรื่องธุรกิจ Modern Trade อยู่แล้ว และมีโอกาสได้เคยพูดคุย ทำความรู้จักกับคุณลุงวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ทำให้เห็นถึงแนวทางการทำธุรกิจแบบใหม่ ความกล้าที่จะเปิดรับโอกาสที่เข้ามา และความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจของคุณลุง จากร้านค้าวัสดุทั่วไป กลายมาเป็นบริษัทมหาชนได้ โดยส่วนตัวชื่นชมมากสำหรับความสำเร็จของคุณลุง ซึ่งเราก็ได้นำมาเป็นแบบอย่างในการทำธุรกิจของเราในปัจจุบันด้วยเช่นกันการดำเนินธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยคนในองค์กร

ไม่ว่าจะเป็นระดับแม่บ้าน ไปจนถึงผู้บริหาร ทุกคนล้วนมีความสำคัญต่อองค์กรทั้งสิ้น โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า “การทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยผลักดันให้องค์กรมีความแข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพ” การตัดสินใจต่างๆในบริษัทฯ ไม่ได้มาจากระดับผู้บริหารเพียงไม่กี่คน แต่มันเกิดจากการระดมความคิดเห็นร่วมกันของพนักงาน และผู้บริหาร เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด วิธีนี้เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมา และเพิ่มความภูมิใจในตนเอง เพราะเขาได้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรแต่หลุมพรางที่สำคัญของธุรกิจที่ดำเนินกิจการมานานคือ “ความยาก ในการปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนในองค์กร” บุคลากรส่วนมากทำงานกับบริษัทมานานกว่าสิบปี อายุที่ต่างกันก็มีผลทำให้ทัศนคติในการทำงานแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลให้การบริหารองค์กรต้องเผชิญกับอุปสรรคบ้างในบางครั้ง สิ่งที่เราให้ความสำคัญ มันอาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นมองข้ามไป การทำงานจึงไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ผลงานที่ออกมาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่คาดหวังไว้ในกรณีที่เกิดความผิดพลาด หรือวิกฤต วิธีตั้งรับ และแก้ไขเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้นั้น คือ การกลับมาพิจารณาตัวเอง หากขึ้นชื่อว่าธุรกิจ ก็ต้องมีช่วงที่มีกำไร และช่วงที่ขาดทุน ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจอยู่แล้ว

แต่เมื่อเกิดวิกฤต หรือเกิดความผิดพลาด จุดสำคัญคือ เรายังต้องอยู่ในเกมส์ คนแพ้ คือคนที่ลุกออกไปจากเกมส์เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว ตราบใดที่เรายังอยู่ในเกมส์ เราอาจจะยังไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่เราก็ยังมีโอกาส เพราะอย่างน้อยเราก็ยังไม่แพ้ ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ลำบาก เราต้องหันกลับมามองตัวเองว่าทำยังไงเราถึงจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และประคับประคองตัวเองให้ผ่านช่วงเวลานั้นไปให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี คนที่จะอยู่รอดได้ ต้องมีความแข็งแกร่งในด้านทุนทรัพย์ ด้านวิชาการ และมีฐานลูกค้าที่มั่นคงช่วยประคองกันไป ซึ่งกลุ่มบริษัทของเราได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีมาตลอดจากสถานบันการเงินต่างๆ มีนักวิชาการทางด้านวนศาสตร์ มีผู้ใหญ่ Generation 1 และ 2 คอยให้คำแนะนำ และให้คำปรึกษาที่ดี ซึ่งเราคิดว่า เราสามารถนำพากลุ่มบริษัทให้ผ่านพ้นไปได้ ครั้งหนึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา และยุโรปไม่ดีนัก ทางผู้บริหารก็ทำการ revise สัดส่วนการขายสินค้าใหม่ โดยให้เน้นขายสินค้าในประเทศมากขึ้น เพราะเรามีตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งก็ช่วยทำให้เราสามารถประคองตัวเองจนผ่านช่วงนั้นมาได้จนถึงวันนี้หหลายๆ คนมองว่าการเปิด AEC นั้นเป็นอุปสรรคทางการค้า เพราะจะมีการเปิดตลาดมากขึ้น มีคู่แข่งมากขึ้น

โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมองสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นปัญหา คุณจะรับมือกับมันอย่างยากลำบาก สำหรับตัวเราเอง เรามองว่ามันเป็นโอกาสที่ดีซะอีกที่จะทำการขายตลาดในแถบภูมิภาคเอเชียของเราเอง เพราะลูกค้าตลาดต่างประเทศในปัจจุบันของเรานั้น เป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ในแถบกลุ่ม AEC นั้น สินค้าของเราอาจเป็นสินค้าใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดตลาดสินค้า และขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นด้วย นอกจากนั้น เราก็มีการนำเข้าวัตถุดิบไม้จากประเทศพม่า และลาวอยู่แล้ว การเปิด AEC อาจมีประโยชน์ในของเรื่องต้นทุน และการจัดหาวัตถุดิบของเราก็ได้ถึงแม้จะเป็นคนเริ่มทำธุรกิจไม่นานแต่ก็ผ่านปัญหาและอุปสรรคมามากมาย สิ่งที่อยากฝากไว้สำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ มองนอกกรอบ และคิดต่าง เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับบทความดีๆเกี่ยวกับคนญี่ปุ่น ซึ่งคนญี่ปุ่นคนแรก เห็นว่าพื้นที่นี้มีคนมาท่องเที่ยวเยอะ จึงจัดตั้งปั๊มน้ำมันขึ้น และมีคนเข้าไปใช้บริการมากมาย คนญี่ปุ่นคนที่สอง ก็เลยจัดตั้งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นในบริเวณใกล้ๆ จากนั้นคนญี่ปุ่นคนที่สามมาเห็น ก็จัดตั้งโรงแรมเพราะเห็นว่าคนน่าจะมาพักแถวนี้เยอะ สรุปแล้ว พื้นที่นั้นกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นไปเลย และทุกคนก็มีรายได้จากธุรกิจของตัวเอง อีกมุมหนึ่งได้ลองเปรียบเทียบกับคนไทย คนไทยคนที่หนึ่ง จัดตั้งปั๊มน้ำมันขึ้นเนื่องจากเห็นคนมาท่องเที่ยวเยอะ และเมื่อคนที่สองมาเห็นปั๊มน้ำมันนี้คนเยอะ น่าจะขายได้ดี จึงมาตั้งปั๊มน้ำมันที่สองในบริเวณใกล้ๆ กัน คนไทยคนที่สามมาเห็น ก็จัดตั้งปั๊มน้ำมันที่สามขึ้นอีก สรุปแล้วคนไทยก็ทำธุรกิจเหมือนกัน แย่งลูกค้ากลุ่มเดียวกัน ซึ่งไมได้เป็นประโยชน์มากนักจากเรื่องนี้ทำให้เราคิดได้ว่า สำหรับคนรุ่นใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดนอกกรอบ และการคิดต่าง เป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบันนี้ บวกกับเทคโนโลยีต่างๆ ก็กลายมาเป็นอาวุธสำคัญในการทำธุรกิจของเราแล้ว ซึ่งคนในรุ่นก่อนๆ ไม่มีโอกาสได้ใช้มัน พวกเขาจึงอาจจะไม่ได้มองเห็นหรือรับรู้ในสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆเหล่านี้ ดังนั้น คนยุคใหม่ เราควรมองหาโอกาสใหม่ๆ หาความรู้เพิ่มเติมในสิ่งที่น่าสนใจ และนำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจของเราต่อไป

 
 
 

Comments


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page