“12 สิงหา เทิดไท้องค์ราชินี 12 ผ้าไทยสืบสานวัฒนธรรมไทย@ดิ โอลด์สยาม”
- advancedbizmagazine
- 13 ต.ค. 2558
- ยาว 1 นาที

ศูนย์การค้า ดิ โอลด์สยาม แหล่งรวมผ้าไหมไทยที่ดีที่สุดจากทั่วทุกภาคของประเทศ จัดงาน “12 สิงหา เทิดไท้องค์ราชินี 12 ผ้าไทยสืบสานวัฒนธรรมไทย @ ดิ โอลด์สยาม” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา และร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย ระหว่างวันที่ 8-9 สิงหาคม ที่ผ่านมา ชมแฟชั่นโชว์ผ้าไทยสุดอลังการด้วยเทคนิคการพันผ้าและเพลิดเพลินกับการแสดงหาชมยากพร้อมมินิคอนเสิร์ต “กล่อมกรุง”
คุณประณต เลิศมีมงคลชัย ผู้บริหารศูนย์การค้า ดิ โอลด์สยาม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 83 พรรษา และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงฟื้นฟู อนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทย ศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่คู่คนไทยมายาวนาน ศูนย์การค้า ดิโอลด์ สยาม ซึ่งเป็นแหล่งรวมผ้าไหมไทยที่ดีที่สุดจากทั่วทุกภาคของประเทศ จึงจัดงาน “12 สิงหา เทิดไท้องค์ราชินี 12 ผ้าไทยสืบสานวัฒนธรรมไทย@ดิ โอลด์สยาม” ขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ และร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย โดยไฮไลท์ของงานคือการแสดงแฟชั่นโชว์จากผ้าไหม 12 ชุด ซึ่งใช้เทคนิคการพันผ้าโดย อ.โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหมที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาเป็นผู้เนรมิตความงามของผืนผ้าให้อยู่บนเรือนร่างของนางแบบ โดยมี เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 สวมชุดฟินาเล่ ปิดท้ายแฟชั่นโชว์
นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมและการแสดงต่างๆ มากมาย เริ่มจากวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม ดื่มด่ำกับบทเพลงไพเพราะจาก “คีตยาThe voice 1” การเชิดหุ่นละครเล็ก, การแสดงทักษิณานฤมิตการ, การแสดงหุ่นคน โดย ม.หัวเฉียว ส่วนวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม ชมการแสดงหนังใหญ่,การแสดงเซิ้งประยุกต์, การแสดงหุ่นกระบอก และปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตกล่อมกรุงโดยศิลปินคุณภาพ อาทิ คุณวินัย พันธุรักษ์, คุณจินตนา สุขสถิตย์ และ คุณอุมาพร บัวพึ่ง
ด้าน อ.โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหม และผู้ให้คำปรึกษาการมีภาพลักษณ์ที่ดี กล่าวถึงแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ว่า เนื่องจากศูนย์การค้า ดิ โอลด์สยาม เป็นแหล่งรวมผ้าไหมที่ดีที่สุดจากหลายพื้นที่ของประเทศ จึงรวบรวมผ้าไหมหลากหลายประเภท อาทิ ไหมพื้น ไหมมัดหมี่ ไหมแพรวา มาประยุกต์ให้ทันสมัยขึ้น นอกจากนี้ยังต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ด้วยการนำผ้าไหมมาปักฉลุลวดลายเลียนแบบผ้า ลุนตยา ของพม่า และปักลวดลายเลียนแบบผ้ามาเลเซีย รวมถึงผ้าไหมพิมพ์ลายดอกไม้ เพื่อให้ผ้าดูมีมิติมากขึ้น
“หลักการคือ คนไทยตั้งแต่ดั้งเดิมมาใช้ผ้าเป็นเครื่องนุ่งห่ม ฉะนั้นทำอย่างไรเราจะนุ่งห่มผ้าไหมให้เป็นศิลปะชั้นสูงของแฟชั่น ส่วนใหญ่คนเข้าใจผิด คิดว่า นุ่งผ้าไหมแล้วจะดูแก่ หรือเชย แต่จริงๆ ผ้าไหมไทยมีความสวยงามอยู่แล้ว พอมาพันอยู่บนตัวคนก็จะกลายเป็นชุดโอต์กูตูร์ สามารถสวมใส่ออกงานได้เลย อยากให้คนไทยได้ภาคภูมิใจในความเป็นผ้าไหมไทย” อ.โสภาส กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหม กล่าวต่อว่า การใช้เทคนิคพันผ้า หรือ Draping สามารถทำได้กับผ้าทุกชนิด แม้ผ้าไหมจะมีความทรงตัว และแข็งกระด้างมากกว่าผ้าชนิดอื่น แต่ก็ไม่มีข้อจำกัดในการพัน โดยวิธีการของ อ.โสภาส นั้นจะเริ่มจากการจับผ้าเพื่อดูรายละเอียดหรือพื้นผิวสัมผัสก่อนว่า มีลักษณะอย่างไร มีความพลิ้วไหวแค่ไหน เพื่อสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นรูปทรง จากนั้นจึงนำมาวางพาดบนรูปร่างของผู้สวมใส่ และกำหนดทิศทางของผ้า โดยปรับไปตามรูปร่างและสัดส่วนเพื่อให้ออกมาสวยงาม ซึ่งกว่าจะออกมาแต่ละชุดจะใช้ผ้า 2 ผืน ๆ ละประมาณ 4 เมตร แต่สำหรับชุดฟินาเล่ครั้งนี้ใช้ผ้าถึง 3 ผืน รวมประมาณ 12 เมตร ซึ่งรับรองว่างดงามอลังการแน่นอน
Comentários