“หลังสวนวิลเลจ” ต้นแบบการพัฒนาอสังหาฯ มาตรฐานใหม่ เดินหน้าเฟสแรก “สินธร เรสซิเดนซ์” ยอดขายพุ่ง 60%

“หลังสวนวิลเลจ” โครงการต้นแบบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เน้นประโยชน์เพื่อส่วนรวม สร้างสังคมน่าอยู่ด้วยที่พักอาศัยคุณภาพสูง ประหยัดพลังงาน และสวนขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 56 ไร่ บนถนนหลังสวน เดินหน้าเฟสแรก “สินธร เรสซิเดนซ์” จับกลุ่มลูกค้าพรีเมียม ครึ่งปียอดขายพุ่ง 60%

นายชลาลักษณ์ บุนนาค กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการบริหาร และนายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท สยามสินธร จำกัด บริษัทในเครือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกันเปิดเผยว่า โครงการ “หลังสวน วิลเลจ” เป็นโครงการคุณภาพสูงที่มีสภาพแวดล้อมดี และรับผิดชอบต่อสังคม เน้นให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เช่าเดิมอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ไม่คำนึงถึงกำไรสูงสุดเป็นสำคัญ โดยหวังจะให้เป็นต้นแบบของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตของประเทศต่อไป

โครงการนี้เป็นโครงการที่อยู่อาศัยแบบมิกซ์ ยูส (Mixed Use) มูลค่า 2.6 หมื่นล้าน ตั้งอยู่บริเวณถนนหลังสวนจรด ซอยต้นสน ตั้งแต่ซอยหลังสวน 1 มาถึง ถนนสารสิน ติดสวนลุมพินีและสวนสถานทูต รวมพื้นที่ 56 ไร่ โครงการประกอบไปด้วย อาคาร คอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ โรงแรม พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะ ศูนย์สุขภาพ วอล์กกิ้ง สตรีท ที่แวดล้อมไปด้วย ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้า ร้านอาหารและบริการ เพื่อรองรับการอยู่อาศัยพร้อมจัดสรรพื้นที่เพื่อสังคมให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ที่ค้าขายเดิมบริเวณพื้นที่โครงการสามารถกลับมาค้าขายได้อย่างถูกสุขลักษณะเป็นระเบียบเรียบร้อยในบริเวณที่จัดไว้ และมีพื้นที่สีเขียวที่เป็นปอดธรรมชาติใจกลางเมือง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในปี 2562

โครงการหลังสวนวิลเลจ มีการวางผังและกำหนดองค์ประกอบโดยเน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยทั้งภายในและรอบโครงการ คำนึงถึงทัศนียภาพของเมือง ให้ชุมชนและสังคมรอบข้างได้ประโยชน์จากการจัดสรรพื้นที่ให้ใช้ร่วมกันอย่างเกื้อกูล ไม่สร้างปัญหาจราจร มีมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสูงสุด เลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง อาคารประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Environmental and Energy Design) คำนึงถึงการดูแลและบำรุงรักษาอาคาร พร้อมจัดพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนขนาด 14 ไร่ (Super Green) อยู่กลางพื้นที่โครงการ ทำให้ผู้อยู่อาศัยและชุมชนได้รับความโปร่ง โล่ง สบายท่ามกลางสวน “ลิฟวิ่งอินเดอะพาร์ค” (Living in the Park) จึงเป็นที่อยู่อาศัยที่นอกจากจะอยู่สบายแล้ว ยังมีมูลค่าเพิ่มในอนาคตอีกด้วย

จุดเด่นของโครงการนอกจากการมีสวนขนาดใหญ่ 14 ไร่ ยังทำให้มีพื้นที่เปิดโล่งถึง 2 เท่าที่กฎหมายกำหนด อาคารยังถูกออกแบบให้สามารถรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และโครงสร้างอาคารมีความแข็งแรงอยู่ได้ถึง 100 ปี ด้านการบริหารและบำรุงรักษาอาคารทางสยามสินธร จะดำเนินการเอง ซึ่งถือว่าแตกต่างจากโครงการพัฒนาทั่วไป เพราะเจ้าของโครงการทำเองดูแลอาคารเอง ทำให้มั่นใจว่าอาคารจะอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดต่างๆ อีกมากที่โครงการได้ทำเพื่อการอยู่อาศัย อาทิ ผนังห้อง 2 ชั้น ที่เว้นช่องว่างระหว่างผนังทำให้ผนังแต่ละห้องไม่ติดกัน ช่วยกันเสียงรบกวนจากห้องข้างเคียง สร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และผนังใช้วัสดุคุณภาพสูง ป้องกันการลามไฟจากห้องข้างเคียงเมื่อเกิดเพลิงไหม้ การแยกท่อครัว และท่อระบายอากาศอิสระ แต่ละยูนิตเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวน หรือแม้แต่กระจกอาคารซึ่งโดยทั่วไปมีเพียง 1 ชั้น ที่ดีขึ้นมาก็จะเป็นกระจกแบบ 2 ชั้น แต่สำหรับโครงการนี้มีการติดตั้งกระจกแบบ 3 ชั้น พร้อมช่องตรงกลาง เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนและป้องกันความร้อนจากภายนอก

สำหรับโครงการนำร่องที่เปิดจองไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2557 ได้แก่ “สินธร เรสซิเดนซ์” คอนโดมิเนียมไฮเอนด์ ประกอบไปด้วยอาคาร ความสูง 35 ชั้น และ อาคาร 10 ชั้น รวมจำนวน 200 ยูนิต ขนาด 1-3 ห้อง มีพื้นที่ใช้สอย 35-345 ตารางเมตร โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 2.2 แสนบาท ซึ่งขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 60% เหลือไม่ถึง 80 ยูนิต โดย 90% เป็นคนไทย มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ-พร้อมเข้าอยู่ ในปลายปี 2559

ทั้งนี้นอกเหนือจากการออกแบบที่เน้นตอบโจทย์ความสบายอย่างยั่งยืนแล้ว สินธร เรสซิเดนซ์ ยังเป็นโครงการขายแบบให้เช่า (Leasehold) สำหรับสิทธิอยู่อาศัย 30 ปี และสิทธิที่จะต่อสัญญาเช่าไปอีกทีละ 10 ปี รวม 30 ปี ต่ออายุได้ถึง 60 ปี โดยเจ้าของที่ดินเป็นผู้พัฒนาเอง และเป็นผู้บริหารดูแลบำรุงรักษาอาคารเอง จึงมั่นใจได้ว่าตัวอาคารจะมีความสวยงามทันสมัยอยู่เสมอ พร้อมด้วยความงดงามร่มรื่นของต้นไม้ในส่วนที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา จึงนับเป็นทรัพย์สินที่ควรค่าแก่การส่งต่อให้คนรุ่นหลังอย่างแท้จริง

#NewsReport