ถอดดีเอ็นเอ The Lounge Hair Salon สุดยอดแฮร์ซาลอนระดับท็อปของเหล่าคนดัง

หากเอ่ยถึงแฮร์ซาลอนแถวหน้าของเมืองไทยที่เหล่าศิลปิน ไอดอล ซุป’ตาร์ นักแสดง คนดัง และเซเลบริตี้ในวงสังคม ให้ความไว้วางใจจรดปลายกรรไกรให้ครีเอตทรงผม เชื่อว่าชื่อของ The Lounge Hair Salon จะต้องอยู่ในลิสต์อันดับแรกที่พวกเขานึกถึง

ความรู้สึกและความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ของ The Lounge Hair Salon ล้วนมาจากส่วนผสมลงตัวของ 3 ผู้ก่อตั้งที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแม่แห่งวงการแฟชั่นไทยอย่าง “ลูกเกด” คุณเมทินี กิ่งโพยม ซูเปอร์โมเดลของเมืองไทย, “ไก่” คุณสมพร ธิรินทร์ และ “หรั่ง” คุณพรเทพ หวันปาเต๊ะ สองแฟชั่นแฮร์สไตลิสต์ท็อปฟอร์มของประเทศ

จากก้าวแรกของ The Lounge Hair Salon ที่ เค-วิลเลจ เข้าสู่ปีที่ 10 ภายใต้ปรัชญาของแบรนด์ “Fashion House For Hair” กับแห่งที่ 2 ที่ ชั้น 4 ดิ เอ็มควอเทียร์ ศูนย์การค้าที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดแห่งมหานครแฟชั่นระดับโลก รวมถึงการเข้าไปครองใจเหล่าศิลปิน ไอดอล นักแสดง คนดัง และเซเลบริตี้ หัวใจสำคัญที่พาซาลอนเล็กๆ แห่งนี้มาถึงจุดนี้คืออะไร?

“ทีมเวิร์ค ความเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ความเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเป็นคุณจะเป็นใคร ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเซเลบฯ ดารา ทุกคนที่เข้ามาที่ร้าน เราดูแลทุกคนเป็นแขกวีไอพี และเนื่องจากเรามีช่างผมและแฮร์สไตลิสต์หลายสไตล์ จึงสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าเป็นรายบุคคลได้ คือลูกค้าไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่กลัวที่จะเดินเข้ามาที่ร้าน ถ้าเข้ามาที่นี่ตอบได้อย่างมั่นใจว่าเราสามารถครีเอตลุคให้สวยอย่างแตกต่าง” “ลูกเกด” คุณเมทินี หนึ่งในผู้ก่อตั้ง The Lounge Hair Salon เกริ่นถึงกุญแจของแบรนด์

ย้อนกลับไป The Lounge Hair Salon เริ่มต้นจาก “ไก่” คุณสมพร ใฝ่ฝันอยากเปิดแฮร์ซาลอนเป็นของตัวเอง จึงชักชวน“ลูกเกด” คุณเมทินี มาร่วมหุ้นด้วย เพื่อดูแลด้านบิสิเนส ส่วนคุณไก่ดูแลด้านบุคลากร หลังจากเปิดได้ 3 ปี ก็ชักชวน “หรั่ง” คุณพรเทพ ที่ก่อนนั้นเป็นฟรีแลนซ์ที่ร้านอยู่แล้วเข้ามาเป็นหุ้นส่วน โดยชื่อ The Lounge ดัดแปลงมาจากคำว่า “เล้าไก่” ซึ่งอิงมาจากชื่อเล่นของคุณไก่ ส่วนโลโก้ร้านผู้ออกแบบก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล คือ “โต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ ที่ไม่เพียงดีไซน์ออกมาได้น่ารัก เก๋ไก๋ ตรงกับคาแรคเตอร์ของผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น แต่ยังอิงหลักฮวงจุ้ยอีกต่างหาก โดยเป็นรูปไก่หางห้าแฉก “เลข 5” มีความหมายมงคลถึงความมีโชค ลาภ

“เมื่อก่อนทุกร้านทำผม ดีเทลจะไม่เยอะเหมือนที่ The Lounge เพราะเราคิดจะให้ที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน ให้ความรู้สึกสบาย (cozy) มีหนังสือ นิตยสาร ให้เลือกอ่าน ทั้งไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น มีเครื่องดื่มชา กาแฟอย่างดีเสิร์ฟ ให้บรรยากศเหมือนกับคุณมานั่งเมาท์กับเพื่อนสาว” คุณลูกเกด กล่าว

จนมาถึงจุดหักเหสำคัญ เมื่อ The Lounge แจ้งเกิดแฮร์สไตล์ลิสหน้าใหม่ที่มีคาแรคเตอร์ หน้าตาดี บุคลิกดี ในรายการสุริวิภา จากตรงนั้น The Lounge จึงกลายเป็นที่จับตามองและถือเป็นผู้ริเริ่มการสร้างจุดต่างให้กับแบรนด์ด้วยกลยุทธ์นี้

“เราเลือกทีมแฮร์สไตลิสต์ที่มีคาแรคเตอร์เป็นส่วนใหญ่ เลือกที่ Taste&Look ถ้ารสนิยมดี ทุกอย่างจะสอนง่าย เรามองตั้งแต่การแต่งตัว เพราะเวลาลูกค้าเดินเข้ามาก่อนจะสัมผัสฝีมือช่าง สิ่งที่เขาเห็นคือลุคของช่าง เพราะว่าเราขายสไตล์ เราเป็น Creator, เป็น Trend-Setter ถ้าเกิดคุณเป็นคนที่ไม่มีสไตล์ คุณจะสร้างลุคให้กับลูกค้าได้อย่างไร เรื่องฝีมือสำคัญแน่นอน แต่ลุคก็สำคัญไม่แพ้กัน” คุณไก่ เผยอีกจุดแข็งของ The Lounge

จากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นของสองแฮร์สไตลิสต์ระดับท็อปฟอร์มของเมืองไทย ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและรั้งตำแหน่งไดเร็กเตอร์ของ The Lounge Hair Salon บวกกับทีมแฮร์สไตลิสต์ฝีมือเฉียบกว่า 15 ชีวิต จึงส่งให้ซาลอนแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญในการครีเอต ‘ลุค’ และ ‘สไตล์’ ที่ไม่เหมือนใครผ่านทรงผม ที่มีทั้งลูกค้าทั่วไปและคนดังติดอกติดใจ อาทิ ”นก”สินจัย, “หน่อย” บุษกร, “โดม” ปกรณ์ ลัม, “ก้อย” รัชวิน, “ตูน” บอดี้สแลม, ดีเจโอปอ, “โอ๊ค” สมิทธิ์, “เม้าท์ซี่” เบญจวรรณ เป็นต้น

ตลอดจนลูกค้าองค์กร ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจไม่ค่อยรู้ว่า The Lounge Hair Salon เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการครีเอตลุคผมให้กับพวกเขาอย่างศิลปิน The Star, ผู้เข้าประกวดจากนิตยสาร Men’sHealth, นักแสดงจากค่ายโพลีพลัส, นักแสดงจากค่ายเอ็กแซ็กท์ และศิลปินจากค่ายแกรมมี่หลายๆ ท่าน ไปจนถึงลูกค้าทั่วไป โดยส่วนใหญ่จะเป็น First Jobber จนถึงวัยทำงาน (White Collar) ที่มีกำลังซื้อสูง ตั้งแต่ B+ มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต มีรสนิยม ดูแลตัวเองและสนใจแฟชั่น ซึ่งคุณไก่และคุณหรั่ง แอบแง้มว่าลูกค้าทั้งสองกลุ่มนี้มีขั้นตอนในการครีเอตและกรูมมิ่งแตกต่างกันไปตาม ‘คาแรคเตอร์’ ที่ผู้ลงกรรไกรต้องตีโจทย์ให้แตก

“ต้องยอมรับว่าตลาดแฮร์ซาลอนยุคนี้กว้างขึ้น โซเชียลมีเดียก็มากขึ้น เราจะมาหลอกลูกค้าไม่ได้ พูดง่ายๆ เราต้องซื่อสัตย์ทั้งนอกร้านและในร้าน ทั้งตัวเราเองและบุคลากรของเราด้วย ประกอบกับเทรนด์ของคนยุคนี้ให้ความสำคัญกับการกรูมมิ่งตัวเอง สังเกตได้ง่ายๆ จากเมื่อก่อนลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง เดี๋ยวนี้สัดส่วนการใช้บริการชาย:หญิงแทบจะ 50-50 คือผู้ชายหันมาสนใจดูแลตัวเองมากขึ้น แล้วเทรนด์บาร์เบอร์ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มาแรง” คุณไก่ กล่าวถึงภาพรวมของตลาด

ไม่เพียงความช่ำชองในการตีคาแรคเตอร์ การได้รับการยอมรับในฝีมือและบริการ ทำให้ The Lounge Hair Salon ได้รับรางวัลการันตีมากมาย ทั้งจากสถาบันชั้นนำและสื่อมวลชน อย่างล่าสุดได้รับการจัดอันดับเป็น The Best Hair Salon 2014 ประจำประเทศไทย โดยนิตยสาร Harper's Bazaar ของอเมริกา จากองค์ประกอบเหล่านี้จึงไม่แปลกใจว่าทำไม The Lounge Hair Salon จึงเป็นผู้สร้างกระแสเทรนด์ผมทรงต่างๆ จนขึ้นแท่น “เทรนด์เซตเตอร์แฟชั่นผมของเมืองไทย” เฉกเช่นเดียวกับการปลุกเทรนด์ผมสั้นที่ฮอตฮิตให้หมู่ไอดอล ให้กลับมาโด่งดังอีกครั้งในสไตล์ BOB- The Lounge

“หลังๆ มานี่ The Lounge ตัดผมบ๊อบถึง 80% ทุกคนที่มาเขามาอยากจะเปลี่ยนจากผมยาวเป็นผมสั้น จนเพื่อนให้สมญานามว่า ‘มือพิฆาตผมสั้น’ ไปแล้ว และบ๊อบยุคนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน การตัดบ๊อบจะเป็นทรงทุยๆ ตรงๆ แต่เดี๋ยวนี้จะมีการดัดเล็กๆ เพิ่มเข้ามา มีการเล่นเลเยอร์ และมีแพทเทิร์นที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น long bob อย่าง The Lounge เองก็มีบ๊อบในสไตล์ของเรา และผมบ๊อบของหรั่งกับพี่ไก่ก็เป็นคนละแบบ บ๊อบของที่พี่ไก่จะเป็นแนวเนี้ยบๆ สวยๆ มีแพทเทิร์น ในขณะที่ของหรั่งจะเป็นแบบฟังกี้ เท่ๆ ยุ่งๆ ยิ่งไว้ยาวจะยิ่งสวย” คุณหรั่ง กล่าวถึงการปลุกกระแสผมบ๊อบของ The Lounge

ความแข็งแกร่งของ The Lounge Hair Salon คือ การเป็นเทรนด์เซตเตอร์แฟชั่นผมของเมืองไทย คำถามที่ตามมาคือจะกลายเป็นแฟรนไชส์ไหม? คุณไก่ตอบชัดเจนว่า “ไม่ ถ้าจะขายก็ขายและหยุดทำเลย แต่ ณ วันนี้เรายังอยากทำงานอยู่ อยากตื่นมาแล้วได้ตัดผม และต้องการคงความ unique ของเราไว้” เช่นเดียวกับ คุณหรั่ง ที่ให้ความเห็นในทางเดียวว่า ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ตัดผม และได้เรียนรู้ไปกับมัน เพียงแต่ก้าวต่อไปของ The Lounge Hair Salon จะไม่หยุดอยู่แค่นี้

ในอนาคต The Lounge Hair Salon มีแนวทางจะพัฒนาเป็น Academy เล็กๆ ก้าวไปสู่การเป็นผู้ถ่ายทอด โดยให้คุณหรั่งสอนเทคนิคการตัดผม คุณไก่สอนเรื่องการเกล้าผม และคุณลูกเกดเทรนเรื่องบุคลิกภาพและการกรูมมิ่ง เปิดเป็นหลักสูตรเรียนง่ายๆ ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนเป็นคอร์สสัก 10 ชั่วโมง หรือเวิร์คช็อป 2 วัน

#NewsReport