กรุ๊ปเอ็ม เอเจนซี่วางแผนสื่อระดับโลก เผยเทรนด์สื่อไทยปี 2559
- advancedbizmagazine
- 7 ต.ค. 2558
- ยาว 1 นาที

กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการบริหารจัดการวางแผนสื่อ คาดงบโฆษณาในปี 2559 จะเติบโตเล็กน้อย หลังจากที่อยู่ในระดับคงที่ในปี 2558 โดยสื่อออนไลน์จะยังคงเป็นหนึ่งในสื่อหลักที่เติบโตมากขึ้น
มร. เควิน คลาร์ค ซีอีโอ กรุ๊ปเอ็มประเทศไทยและพม่า กล่าวว่า “เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำลง ทำให้ปี 2558 ถือได้ว่าเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับวงการโฆษณา บริษัทต่างๆ ส่วนใหญ่ได้ชะลอการซื้อสื่อ ในขณะเดียวกันยอดขายยังไม่ตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ อีกทั้งดิจิทัลทีวีช่องใหม่ๆ ยังเพิ่งเริ่มก่อตั้งและยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก แต่เราก็ได้เห็นการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่ดียิ่งขึ้นในหลายๆ ช่อง ในทางตรงกันข้ามเม็ดเงินสำหรับสื่อออนไลน์ ยังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดียที่ดีกว่า เร็วกว่า และถูกกว่า ในขณะที่ปี 2559 ความกดดันในภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงดำเนินต่อไป เราเชื่อว่ามาตรการของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และช่วยให้ภาคธุรกิจไทยเข้มแข็งขึ้นในปี 2559 และมีการเติบโตที่สูงกว่าปี 2558”
มร.คลาร์ค กล่าวต่อไปว่า “ณ ปัจจุบัน เราคาดการณ์ว่างบโฆษณาในปี 2559 จะเติบโตขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่อยู่ในระดับคงที่ในปี 2558 โดยสื่อออนไลน์จะยังคงเป็นหนึ่งในสื่อหลักที่เติบโตมากขึ้นและแทนที่สื่อสิ่งพิมพ์"
มร.คลาร์ค กล่าวเสริมว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่หันมาใช้สื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยจะพยายามหาวิธีที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ดียิ่งขึ้น และเราจะได้เห็นข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมากมายที่จะทำให้บริษัทต่างๆ สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดี แต่จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบการบริหารจัดการข้อมูลด้วยโปรแกรมและเน้นผลลัพธ์ที่แม่นยำจะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น เราคาดว่าบริษัทลูกค้าจะให้ความสำคัญกับแคมเปญที่มีกลเม็ดที่น่าสนใจ เพื่อที่จะกระตุ้นยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้และจะโฟกัสมากขึ้นในผลงานและผลตอบแทนในการลงทุนที่สามารถวัดผลได้
“จากที่เรามองเทรนด์ของสื่อต่างๆ ในปี 2559 ทำให้เราได้มองย้อนกลับไปในอดีตว่าหลายปีที่ผ่านมา เรานำเทรนด์ด้วยการกระตุ้นให้ลูกค้าของเราทดลองใช้ “สื่อใหม่ๆ” ซึ่งวันนี้เป็นเพียงสื่อๆ หนึ่งเท่านั้น เราเป็นบริษัทแรกที่มีข้อมูลเรตติ้งเชิงลึก และแนะนำให้ลูกค้าเข้าไปลงสื่อในช่องเคเบิ้ล ดาวเทียม และดิจิตัลทีวี อีกทั้งลูกค้าของเราจะใช้สื่อออนไลน์มากกว่าในวงการทั้งหมด นั่นเป็นเพราะเราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นว่าวิธีการแบบใดจะเหมาะสมสำหรับวันนี้ เทรนด์แบบไหนกำลังจะมาเพื่อให้เราสามารถนำเสนอสิ่งใหม่ๆ และสร้างความได้เปรียบที่แตกต่างสำหรับลูกค้าของเรา โดยเราเป็นบริษัทแรกที่ตั้งทีมซื้อสื่อออนไลน์แบบ “โปรแกรมเมตริก” ภายใต้ชื่อ ‘แซสซิส’ (Xaxis) ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการเลือกเว็บไซต์และชิ้นงานโฆษณาที่เหมาะสม และเจาะจงสำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของเราสามารถเลือกใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และในปี 2559 นี้ เราจะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสื่อดิจิตัลของเราด้วยการนำเสนอบริการใหม่ที่จะเน้นใน 2 บริการ บริการแรกคือการทำการตลาดที่วัดผลได้ (performance marketing) โดยอาศัยข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อนำมาปรับรูปแบบการใช้สื่อแบบทันที และบริการที่สองคือ เนทิฟ มาเก็ตติ้ง (native & content marketing) ซึ่งจะนำโฆษณาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาของเว็บเพจนั้นๆ อีกทั้งการควบรวมกิจการกับบริษัท โวแคนนิค (Vocanic) ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดีย และการบริหารจัดการลูกค้า (CRM) เมื่อเร็วๆ นี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับลูกค้าเพราะผู้บริโภคชาวไทยนิยมใช้โซเชียลมีเดียเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวัน” มร.คลาร์ค กล่าว
เกี่ยวกับแนวโน้มของสื่อต่างๆ นั้น มร.คลาร์ค ระบุเกี่ยวกับเทรนด์ของสื่อช่องทางต่างๆ ว่า “สำหรับสื่อทีวีจะมีดิจิตัลทีวีบางช่องที่จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2559 สำหรับสื่อออนไลน์จะมีการเติบโตอย่างมาก แต่อัตราการเติบโตสำหรับการโฆษณาผ่านกูเกิลและเฟสบุ๊คอาจจะลดน้อยลงเนื่องจากลูกค้าเริ่มเห็นโอกาสที่ดี แต่ยังถูกมองข้ามอยู่ในการทำโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มของไทย เรากำลังทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มไทยเหล่านี้ เพื่อให้ลูกค้าหันมาให้การสนับสนุนการใช้สื่อเหล่านี้ด้วยไม่เพียงใช่แค่ใช้สื่อใหญ่ระดับโลกเท่านั้น สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์นั้น เราน่าจะเห็นการลดลงของสื่อสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิม
“สำหรับสื่อดิจิตัลทีวี เรายังเห็นโอกาสในการเติบโตอีกมาก แต่จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นและมีการแข่งขันที่สูงขึ้นเช่นกัน สถานีโทรทัศน์ช่องที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วและจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดี คือช่องที่มีแนวทางและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยจะสามารถระบุและนำเสนอเนื้อหาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของตนได้ ส่วนช่องที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คือช่องที่ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน และพยายามจะดึงดูดผู้ชมในวงกว้าง และทีวีอนาล็อก 2 ช่องหลัก จะยังคงความแข็งแกร่งต่อไป อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสสำหรับทีวีดิจิตัลช่องใหม่ๆ ที่จะมุ่งเน้นเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างความแตกต่าง โดยทีมของกรุ๊ปเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์บางช่อง เพื่อช่วยระบุกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับช่อง ระบุเนื้อหาที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมาย และช่วยวาง รูปแบบรายการที่บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพหรือบางกรณีอาจใช้เนื้อหาที่สำเร็จรูปแล้ว” มร.คลาร์ค กล่าว
“เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ เรายังคงเห็นการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังของบริษัทต่างๆ แม้ว่าตลาดโดยรวมอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น แต่ยังคงดีขึ้นไม่มากนัก อีกทั้งเรายังไม่เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาค่าสื่อโดยรวม อย่างไรก็ตามจากการที่ผู้ชมเปิดรับสื่อหลากหลายมากขึ้น ทั้งในดิจิตัลทีวีและออนไลน์ ทำให้ระดับราคาน่าจะสูงขึ้นได้บ้าง แต่น่าจะไม่เกิน 5%” มร.คลาร์ค กล่าว
“สำหรับการวัดเรตติ้งแบบมัลติสกรีนที่นำเสนอโดย MAAT และ MRB นั้น ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการโฆษณา ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานการวัดเรตติ้งให้มีมาตรฐานเดียวกันสำหรับสื่อทีวีและวิดีโอออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นโครงการ
เราหวังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งผู้ซื้อโฆษณาและเอเจนซี่ จะได้ข้อสรุปร่วมกัน และสนับสนุนไปในแนวทางเดียวกัน โดยเราจะมีเสวนา ในวันที่ 2 ของการประชุมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้ และผมมั่นใจว่าทาง MAAT และ MRB จะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้ต่อไป” มร.คลาร์ค กล่าวในตอนท้าย
Comments