เปิดทำเนียบสุดยอดนักบริหารแห่งปี 2558 : ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์

THE TOP 100 EXECUTIVES OF THE YEAR 2015 : TTW เป็นบริษัททางด้านสาธารณูปโภคที่ประสบความสำเร็จแข็งแกร่งอย่างมาก มีกำไรสุทธิต่อเนื่องทุกปี ถือเป็น “วัวที่ให้น้ำนมทองคำ” ของกลุ่ม ช.การช่างมาโดยตลอด โดยเฉพาะที่โดดเด่นมากเป็นพิเศษคือ อัตราส่วนกำไรสุทธิของบริษัท 5 ปี ที่ผ่านมา ไม่เคยต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นอีนหนึ่งในบริษัทระดับ Top 10 ในตลาดหลักทรัพย์ไทยเลยทีเดียวที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิสูงเช่นนี้

การดำเนินงานภายใต้การนำของ ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านสาธารณูปโภค ด้วยแนวคิด “To be a Thailand leading company in Water, Energy and Eco-Friendly Businesses” มุ่งเน้นธุรกิจผลิตน้ำประปาและการบริหารจัดการอย่างครบวงจร ธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม

ชัยวัฒน์ บอกถึงวิธีการขยายการตลาดให้มากขึ้นกว่าเดิมว่า “น้ำคือชีวิต สิ่งมีชีวิตต้องการน้ำ” การขาดอาหารยังอยู่ได้นานพอสมควรแต่ถ้าขาดน้ำอยู่ได้ไม่นาน ขณะเดียวกันต้องพูดได้เต็มปากเลยว่า การใช้น้ำในอดีตยังขาดความทั่วถึงและเพียงพอสำหรับน้ำที่มีคุณภาพ ในอดีตกรุงเทพฯ จะใช้น้ำบาดาลกันเยอะมากจนเกิดความทรุดโทรมจนต้องออกกฎหมายห้ามใช้น้ำบาดาล ฉะนั้นในกรุงเทพฯ วันนี้มีการใช้น้ำประปากันอย่างทั่วถึง การใช้น้ำบาดาลเป็นเรื่องผิดกฎหมายจึงต้องขออนุญาตเป็นพิเศษ แต่ในต่างจังหวัดทั่วประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นน้ำบาดาล ฉะนั้นโอกาสที่จะขยายไปตรงนี้ โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงให้มีคุณภาพขึ้นมาหรือทำน้ำให้มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่มีมาตรฐานหรือดีเท่าที่เป็นไปได้ ยังมีโอกาสอีกมาก” บอสใหญ่แห่ง TTW ได้ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ถึงการศึกษาโอกาสการเข้าไปพัฒนาโครงการน้ำประปาในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในหลายพื้นที่ยังต้องการน้ำประปาที่สะอาดและได้มาตรฐานสำหรับอุปโภค บริโภค โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจเข้าไปร่วมลงทุนกับ Local Partner ของพม่า และคาดหวังให้เป็นโครงการด้านน้ำประปาต้นแบบ (Prototype) แห่งแรกในพม่า และท้ายที่สุดนี้น่าจะกล่าวได้ว่า TTW พร้อมแล้ว...ที่จะติดปีกบินลัดฟ้าสู่การลงทุนในต่างแดน

จากนี้ไป TTW จะทบทวนงบลงทุน 3 ปี (2557-2559) โดยจะเพิ่มจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 2,500-2,600 ล้านบาท ในประเทศ และดำเนินโครงการน้ำประปาในเมืองเมาะลำใย ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งบริษัทจะร่วมกับพันธมิตร โดยเข้าถือหุ้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และนักธุรกิจใหญ่ในประเทศนั้นถือหุ้นอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ เบื้องต้นกำลังการผลิตน่าจะประมาณ 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เงินทุนประมาณ 10 ล้าน เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปภายในปีนี้ เพื่อให้โครงการในประเทศพม่าเป็นโครงการต้นแบบ โดยไม่ได้คาดหวังกำไร โดยแผนการลงทุนดังกล่าว คาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนจะมาจากเงินหมุนเวียนในบริษัท ที่ปัจจุบันมีกระแสเงินสดกว่า 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการในพม่าจะถือเป็นโครงการต้นแบบที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจน้ำครบวงจร เพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศในอนาคต คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ภายในเวลา 12-18 เดือน หลังจากเซ็นสัญญาร่วมทุน

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในประเทศลาว โดยอาจจะเข้าไปซื้อกิจการ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน งบลงทุนประมาณ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 240 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุระยะเวลาในการลงทุนที่ชัดเจน เนื่องจากต้องการลงทุนที่เมียนมาร์ให้เห็นรูปธรรมก่อน ส่วนข้อดีของปัญหาของการลงทุนที่ลาวนั้น ทำให้ชัยวัฒน์ระบุว่ามองเห็นรายละเอียดของการลงทุนมากขึ้น เพราะการเจรจา บางโครงการ เพราะเวียดนาม ที่เข้ามาร่วมลงทุนไม่มีความเชี่ยวชาญจริง บริษัทก็อาจจะใช้วิธีเข้าไปซื้อกิจการมาทำต่อ หรือควบรวมกิจการ หรือไปซื้อสินทรัพย์แล้วมาเริ่มต้นบริหารกันใหม่

ภารกิจของ TTW ในอนาคต ซึ่งงานนี้จึงถือเป็นความท้าทายของทั้ง TTW และหากทำได้สำเร็จ นั่นหมายถึงอนาคตที่เติบโตอย่างยั่งยืนของ TTW ในยุคที่สอง และตำนานหน้าใหม่ ชัยวัฒน์ ว่าเป็นผู้บริหารที่ครบเครื่องไร้เทียมทานในฐานะมืออาชีพที่ช่ำชองสำหรับทุกสถานการณ์

ปล.ท่านผู้อ่านสามารถอ่านฉบับเต็มและติดตามอ่าน รวมทั้งหมด 100 ท่านได้ ในหนังสือ "THE TOP 100 EXECUTIVES OF THE YEAR 2015"

#vision #interviiew