top of page
ค้นหา

จิตตารมย์ขององค์กร

  • รูปภาพนักเขียน: advancedbizmagazine
    advancedbizmagazine
  • 18 ก.ค. 2558
  • ยาว 1 นาที

มีคำกล่าวว่า “ เมื่อมีภัยหรือศึกจากภายนอกเกิดขึ้นกับประเทศชาติคราใด จะเห็นคนไทยร่วมใจสามัคคีกัน ” คำกล่าวนี้ดูเผิน ๆ ก็ว่าดีอยู่ แต่ดีแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ มีคำถามว่า แล้วยามไม่มีภัยไม่มีศึก คนในประเทศไทยจะอยู่ลักษณะไหน ยังสามัคคีกัน หรือทะเลาะวิวาทชิงดีชิงเด่น แยกพวกแยกพ้อง ต่างเห็นแก่ได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่ ที่ถูกต้องแล้วเราน่าจะรู้รักสามัคคีกันตลอดเวลา มิใช่เวลาประเทศมีความสุขเจริญรุ่งเรืองก็เกิดแตกแยกกันเองในกลุ่มคนไทยด้วยกัน ทำให้ประเทศชาติแทนที่จะเจริญรุ่งเรือง กลับถอยหลังล้าหลังกว่าประเทศอื่น ๆ

ในแต่ละองค์กร ในการทำธุรกิจก็มีการแข่งขันกัน การแข่งขันนั้นก็เปรียบประดุจเหมือนสิ่งคุกคามจากภายนอก ซึ่งการแข่งขันในธุรกิจย่อมมีเกิดขึ้นกันได้ตลอดเวลา เพราะเป็นเรื่องของธุรกิจที่ต้องการแย่งค่านิยม แย่งสัดส่วนทางการตลาด และสัดส่วนความนิยมของผู้บริโภค ในการแข่งขันทางตลาดนั้น เป็นหน้าที่ขององค์กรแต่ละองค์กรที่จะต้องวางแผนงานวางเป้าหมายวางกลยุทธ์เพื่อทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ซึ่งกลยุทธ์นั้นมีมากด้านทั้งการประชาสัมพันธ์ การสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาพนักงาน การแข่งขันด้านการบริการ ทั้งเทคนิคและศาสตร์ในการตลาดมากมาย แต่ในส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญขององค์กรซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องสำคัญหรือไม่ได้เอ่ยหรือเน้นกันในแต่ละองค์กรนัก ก็คือการพัฒนาบุคลากรในองค์กร ที่เป็นต้นทุนที่สำคัญของการทำธุรกิจในแต่ละองค์กรก็คือ ” ทุนมนุษย์ ”

มีคำกล่าวว่า “ ศึกภายในยังไม่สำเร็จ แล้วจะไปชนะศึกภายนอกได้อย่างไร ” หากบุคลากรไม่ได้พัฒนา ปีที่แล้ว ปีก่อนหน้านี้ และปีก่อน ๆ ๆ นี้ทำงานกันอย่างไร ปีนี้ก็ทำงานอย่างนั้น ปีต่อ ๆไปข้างหน้าก็ทำอย่างนั้น ก็คงหวังได้ยากว่าจะทำให้เป้าหมายองค์กรประสบความสำเร็จและชนะคู่แข่งขันได้ การร่วมมือร่วมใจของบุคลากรในองค์กรเพื่อร่วมงานกันอย่างจริงจังและจริงใจ ด้วยความรักแท้ โดยมีคุณธรรม ที่เป็นรูปธรรม 5 ประการ เพื่อเป็นจิตตารมย์ในการทำงานร่วมกัน เป็นหลักประกันความรักแท้อย่างยั่งยืนในองค์กร คือ

  • ความซื่อสัตย์ เรื่องนี้เป็นหัวใจของการทำงาน แม้ในการดำรงชีวิต มีในครอบครัว ความซื่อสัตย์เป็นหัวใจสำคัญที่สุด ซื่อสัตย์ต่อองค์กร ซื่อสัตย์ต่อผู้ร่วมงาน ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค รวมถึงซื่อสัตย์ต่อคู่แข่งขัน ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างเสมอภาคและยุติธรรมกับทุกภาคส่วน

  • ความเสียสละ บุคลากรในองค์กรต้องมีจิตตารมย์ของการเสียสละ ทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรอย่างสมบูรณ์ แต่เพียงเท่านั้นยังไม่พอ ยังจะต้องให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือผู้ร่วมงาน หรืองานด้านอื่นๆที่องค์กรต้องการให้งานลุล่วงรวดเร็วขึ้น ความเสียสละนี้บางครั้งอาจจะขัดต่อความต้องการตามธรรมชาติของคน คือ จะทำอะไรต้องได้ผลตอบแทน หรือได้ผลประโยชน์ แต่มีคำโอวาทของหลวงพ่อจรัญ สอนเตือนใจเราอยู่บ่อย ๆ ว่า “ ยิ่งให้ ยิ่งได้ ” คือหากเราหวังจะได้อย่างเดียว หวังจะได้หรือไม่ได้ประโยชน์ กำลังขับในการทำงานของเราจะไม่เต็มที่ แต่ถ้าเรามุ่งมั่นเสียสละทำงานอย่างเต็มที่ ให้ความอนุเคราะห์แก่คนอื่น โดยไม่ไปมองผลประโยชน์ตอบแทนเป็นสำคัญ เรายิ่งให้เท่าใด โอกาสจะได้เราก็จะได้มากขึ้นกว่านั้น ความเสียสละทำให้บุคลากรขยันทำงาน และจะเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลมากกว่า

  • ความรับผิดชอบ บุคลากรต้องรับผิดชอบต่อองค์กรเต็มกำลังความสามารถ นอกจากการรับผิดชอบในงานตามหน้าที่แล้ว เช่น เป็นหูเป็นตาให้องค์กร ระแวดระวังชื่อเสียงขององค์กร มิใช่ว่า เงินเดือนค่าจ้างฉัน ฉันรับ องค์กรเป็นอย่างไรช่างหัว ถ้าบุคลากรรับผิดชอบ องค์กรเจริญพนักงานในองค์กรก็มีสุข แต่ถ้าปล่อยให้ใครทำร้ายองค์กร องค์กรทรุดลง พนักงานก็คงประสบความเดือดร้อนไม่มีความสุข

  • ความเห็นใจกันและกัน บุคลากรในองค์กรมีความแตกต่างกัน ทั้งชีวิตส่วนตัว ฐานะการเป็นอยู่ส่วนตัว การศึกษาที่แตกต่างกัน เมื่อมาอยู่ร่วมกันในองค์กร ย่อมมีความแตกต่างกันบ้างทั้งการแต่งกาย ภาษา ท่าทาง อุปนิสัย วัฒนธรรมที่ได้รับการสั่ง

  • ความไว้วางใจกันและกัน ประเด็นที่ทำให้เกิดความแตกแยกกันในองค์กรคือ การไม่ไว้วางใจกันและกัน เป็นเรื่องปกติอยู่ที่ในองค์กรจะมีความก้าวหน้าให้กับคนบางคนที่มีความสามารถสูงหรือความสามารถพิเศษ ซึ่งบุคลากรในองค์กรต้องยอมรับในเรื่องนี้ เมื่อไว้วางใจกันและกัน ก็ต้องยินดีต่อกัน รักกัน ชื่นชมยินดี หากผู้ร่วมงานได้เกียรติหรือได้รับความก้าวหน้า ไม่กล่าวให้ร้ายทับถม อิจฉาริษยา แต่ให้การยอมรับกันและกัน ในหน้าที่การงานกับในความเป็นผู้อาวุโสในงาน ซึ่งต้องแยกกัน บางทีอาวุโสแต่ตำแหน่งอาจจะเล็กกว่า ซึ่งก็มีเหตุผลหลายประการ เพียงแต่เราทำใจยอมรับเท่านั้น ชีวิตก็มีความสุขแล้ว มีเงินมากแล้วมีทุกข์มีไปทำไม มีตำแหน่งสุขแล้วต้องไปเข่นฆ่าคนอื่นแล้วมีไปทำไม อยู่แบบรักคนอื่น และให้คนอื่นรักเราจะดีกว่าครับ

เมื่อบุคลากรมีจิตตารมย์ดังกล่าว ความสามัคคีก็เกิดขึ้น หากองค์กรเรียกร้องให้สามัคคีกัน แต่ไม่สร้างจิตตารมย์พื้นฐานเหล่านี้ ความสามัคคีก็ไม่เกิด องค์กรที่ขาดสามัคคี ก็ขาดความรัก ธุรกิจต่าง ๆ ต้องอาศัยทำด้วยความรัก จริงใจ เหมือนพี่น้อง “ ที่ไหนมีความรัก ที่นั่นไม่ลำบาก ที่ไหนลำบาก ความรักช่วยให้เบาได้ และทำให้ความลำบากหายไปได้ ” ความรักจะทำให้เกิดการช่วยเหลือกันและกันเป็นรูปธรรมในทุกรูปแบบ ทั้งด้านจิตวิญญาณและความจำเป็นทางร่างกาย

ความรักแท้เป็นพื้นฐานของความดีและความสุขใจแท้ ความรักแท้เกิดจากคุณธรรม 5 ประการที่กล่าวไปแล้ว นั่นก็คือ ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ ความเห็นใจกันและกัน รึงจึงจะไว้วางใจกันและกันได้อย่างสนิทใจ ทั้งหมดนี้เรียกว่า “ จิตตามรมย์ขององค์กร ” ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรในองค์กรเป็นคนดีของสังคม อยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขและสันติอย่างแท้จริงได้ตลอดไป ทั้งในองค์กร และในครอบครัว ในสังคมและในประเทศไทย

โรคร้ายของสังคม ที่ทำให้เราทุกคนมองเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วคือ ความไม่ไว้วางใจกันและกัน โดยเฉพาะการเอาเปรียบกันและกันแบ่งพรรคแบ่งกลุ่ม ความคิดต่างไม่เป็นเหตุให้แตกแยกกันได้ เพียงแต่เราเข้าใจกันและไว้ใจกัน แต่พอเราไม่ไว้วางใจกันและกัน จีงเป็นผลทำให้เกิดปัญหาในกลุ่มในองค์กร

ทำไมจึงไม่ไว้วางใจกัน ทั้งที่ก็ทำงานด้วยกัน เป้าหมายก็คือให้องค์กรเติบโตเหมือนกัน คงเป็นเพราะสาเหตุหลายประการ ที่สำคัญก็คือการเสียผลประโยชน์ ความต้องการผลประโยชน์ ความต้องการชื่อเสียง ต้องการเกียรติและการยอมรับ เพราะเป็นผลของความก้าวหน้า กลัวคนอื่นเอาเปรียบหรือได้ล้ำนำหน้า เมื่อคนหนึ่งทำ คนอื่นก็ทำ ไม่มีใครยอมกัน จึงดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาในองค์กร

นี่แหละมันน่าแปลกและน่าเจ็บใจจริง ๆ ถ้าระดับประเทศ ถึงกับต้องมีการปฏิรูปการเมืองกัน แต่ก็ยังมีอุปสรรค เพราะก็ยังไม่เชื่อใจกัน ยังระแวงกันอยู่ คนทำก็ทำไป คนวิจารณ์ก็ว่ากันไปคนละทิศคนละทาง โรคร้ายของสังคมประเทศชาติกลายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีทางแก้ไข ไม่มีทางเยียวยากันแล้ว และคงจะเป็นเช่นนี้ต่อไปจนกว่าประเทศจะพินาศอย่างนั้นหรือ ในระดับองค์กรก็เข้าทำนองเดียวกัน หากขาดคุณธรรมข้างต้น ก็คงยากลำบากที่จะเจริญเติบโต หรือเป็นองค์กรแห่งความสุขได้ ชีวิตคนเราก็เท่านี้แหละ ความสุขของชีวิต แต่ทว่าการไขว่คว้าความสุขของแต่ละคนมีวิธีคิดวิธีทำที่แตกต่างกัน เกียรติยศศักดิ์ศรีของคนที่เอ่ยว่าซื่อสัตย์ มิได้อยู่ที่คำพูดหรือแม้แต่คำสาบาน ต่างคนต่างก็รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง ก็จงรักษาไว้ด้วยความซื่อสัตย์อย่างเป็นรูปธรรม เป็นที่ภาคภูมิใจขององค์กร ทำให้เรามีสันติสุขแบบยืนยาวถาวร

ความสำเร็จหากมองไกล ๆ เขาเรียกว่าความฝัน หากมองเข้ามาใกล้ ๆ เขาเรียกว่าเป้าหมาย แต่ถ้าอยู่ในมือและจิตใจของเราแต่ละคนคือ ความสุข มีเงินมีตำแหน่งการงานใช่ว่าจะมีคุณค่า คุณค่าของชีวิตไม่ต้องใช้เงินก็สร้างได้ ด้วยการคิดดี ทำดี และพูดดี เป็นการสร้างคุณค่าของชีวิต ความวุ่นวายในโลกมีสองประการคือหลง หลงรัก หรือหลงเกลียด ถ้าอยู่ด้วยความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ ความเห็นอกเห็นใจ ความยอมรับกันและกัน เป็นการทำงานที่มีความสุขและนั่นคือ จิตตารมย์ของการทำงานในองค์กร

 
 
 

Comments


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page