top of page
ค้นหา

จับตา Apple Music กับกระแสที่มีได้กับได้

  • รูปภาพนักเขียน: advancedbizmagazine
    advancedbizmagazine
  • 4 ก.ค. 2558
  • ยาว 1 นาที

เทรนด์การบริโภคสื่อบันเทิงของผู้คนค่อยๆ เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย โดยในปัจจุบันนี้จากข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมการบันทึกของสหรัฐ ระบุชัดเจนว่า พฤติกรรมการฟังเพลงของคนนั้นมีแนวโน้มเปลี่ยนเป็นการบริโภคแทนที่จะซื้อเพลงเป็นเจ้าของ

แนวโน้มดังกล่าวเห็นได้ชัดจากรายได้ของยอดดาวน์โหลดเพลงในปี 2014 อยู่ที่ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้านี้ถึง 8.5% ขณะที่การฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งสามารถสร้างรายได้ได้มากถึง 1,870 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นยอดเงินที่สูงกว่ายอดการขายซีดีเป็นครั้งแรก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้จึงเริ่มทำให้บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่วิ่งเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นสปอติฟาย ผู้ให้บริการฟังเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่งรายใหญ่ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในขณะนี้ และล่าสุดทางแอปเปิ้ลได้เปิดเผยว่าจะเปิดตัว “แอปเปิ้ล มิวสิค” ระบบให้บริการฟังเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่งขึ้นมา ในวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่จะเปิดให้ทดลองใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใน 3 เดือนแรก ก่อนจะเริ่มเก็บค่าบริการเดือนละ 9.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 330 บาท) แน่นอนว่าสำหรับสาวกของแอปเปิ้ลก็คงจะรออย่างใจจดใจจ่อสำหรับบริการตัวใหม่นี้ ทว่าสำหรับคนทั่วๆ ไปแล้วก็อาจจะไม่ได้ยินข่าวคราวการเปิดตัวนี้แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วเรื่องราวของแอปเปิ้ล มิวสิค กลับได้รับการหยิบยกขึ้นมาตามสื่อต่างๆ ทั่วโลก โดยที่แทบไม่ต้องลงทุนทำประชาสัมพันธ์ เพียงเพราะ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” นักร้องสาวชื่อดังชาวอเมริกันที่ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อแอปเปิ้ล ที่จะไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับศิลปินอิสระที่ปล่อยเพลงทางแอปเปิ้ล มิวสิค ในช่วง 3 เดือนแรกของการทดลองใช้งาน โดยระบุว่าจะไม่ปล่อยเพลงในอัลบั้มสุดฮิต “1989” ลงในแอปเปิ้ล มิวสิค ส่วนหนึ่งของข้อความที่ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เขียนลงในทัมเบลอร์ “ฉันพบว่านี่เป็นเรื่องน่าตกใจ น่าผิดหวัง และไม่เหมือนกับบริษัทที่ใจกว้างและมีความก้าวหน้าเช่นนี้เลย” ส่วนหนึ่งของข้อความที่นักร้องสาวชื่อดังวัย 26 ปี โพสต์ลงในทัมเบลอร์ สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง พร้อมระบุด้วยว่า เรื่องค่าลิขสิทธิ์เพลงในช่วง 3 เดือนแรกไม่ใช่เรื่องใหญ่ของเจ้าตัว แต่เงินจำนวนนี้สำคัญต่อศิลปินอิสระอย่างยิ่ง ข้อความของนักร้องขวัญใจคนทั่วโลกดังกล่าวกลายเป็นเหมือนไฟลามทุ่งที่ขึ้นพาดหัวข่าวสื่อออนไลน์ในต่างประเทศแทบจะในทันที และส่งผลให้แอปเปิ้ลต้องรีบเปิดการประชุมด่วนในกลุ่มผู้บริหาร และข้อความดังกล่าวของสวิฟต์ก็มีอิทธิพลเพียงพอที่จะทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิ้ลเปลี่ยนใจในทันทีว่าจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับค่ายเพลงและนักร้องในช่วงระยะเวลาทดลองดังกล่าว

apple-doj-investigation.jpg

จากประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายต่างมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์ของแอปเปิ้ล มิวสิค ทิม บาจาริน ผู้ก่อตั้งครีเอทีฟ สแตรทิจีส์ บริษัทวิจัยการตลาดในสหรัฐ ระบุว่า แม้การพาดหัวของสื่อต่างๆ ในช่วงแรกจะเป็นลบต่อแอปเปิ้ลเอง ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นประโยชน์ต่อแอปเปิ้ลไปแล้ว เนื่องจากว่าคนจะหันมาทดลองใช้แอปเปิ้ล มิวสิค มากขึ้น “ถ้าสำหรับคนที่ไม่เคยรู้ว่าแอปเปิ้ลจะเปิดตัวบริการฟังเพลงตัวใหม่ ตอนนี้พวกเขาก็ได้รู้แล้ว และคนที่ยังไม่แน่ใจที่จะทดลอง ก็ได้ตัดสินใจที่จะทดลองแล้วซึ่งนี่จะช่วยทำให้แอปเปิ้ลเดินไปถึงเป้าหมายได้รวดเร็วมากขึ้น” บาจาริน กล่าว นักวิเคราะห์รายนี้ยังระบุว่า เดิมทีนั้นทางแอปเปิ้ลเองก็มีพื้นฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยมีผู้ใช้ไอโฟนมากกว่า 750 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงยังมีสาวกอีกจำนวนมาก แอปเปิ้ลจึงจะใช้จุดแข็งนี้ในการเผยแพร่แอปเปิ้ล มิวสิค ออกไปได้ นอกจากนี้ บาจาริน ซึ่งเป็นผู้ติดตามแอปเปิ้ลมาเป็นเวลานานได้คาดการณ์ด้วยว่า แอปเปิ้ล มิวสิค จะขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดในระบบการบริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งแทนสปอติฟาย โดยในระยะเวลาเพียง 1 ปี จะมีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่ายถึง 60 ล้านคน เทียบกับปัจจุบันของสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่ายของสปอติฟายที่อยู่ที่ 15 ล้านคนเท่านั้น ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนก็มีท่าทีเป็นบวกต่อวิธีการจัดการวิกฤตในครั้งนี้ของแอปเปิ้ล โดย แดเนียล อิฟ นักวิเคราะห์หุ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของเอฟบีอาร์ แคปปิตอล มาร์เก็ต ระบุว่า แอปเปิ้ลนั้นจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องการประชาสัมพันธ์ “พวกเขาจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งจะมีความวุ่นวาย หรือสิ่งขัดขวางจากศิลปิน หรือการตอบโต้ของผู้บริโภคเกิดขึ้นไม่ได้” อิฟ กล่าว เอ็ดดี คิว รองประธานอาวุโสของแอปเปิ้ล ทวีตข้อความหลัง เทย์เลอร์ สวิฟต์ ส่งสารถึงบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ ทั้งนี้ เจฟฟ์ ไพรซ์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งของออเดียม บริษัทจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ของสหรัฐ ประเมินว่า ในระยะเวลา 3 เดือนที่แอปเปิ้ลจะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับบริษัทเพลงหรือศิลปินนั้นเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับรายได้ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิ้ล ดังนั้น อิฟ ระบุอีกว่า ท่าทีของแอปเปิ้ลที่ออกมาจัดการต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็คุ้มค่าต่อแอปเปิ้ล เพราะเป็นการได้ใจกลุ่มมวลชนและศิลปินไปเต็มๆ “เราขอขอบคุณแอปเปิ้ล มิวสิค ที่รับฟังถึงความกังวลของเรา” สมาคมเพลงอิสระอเมริกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของค่ายเพลงอิสระในสหรัฐ ออกแถลงการณ์หลังแอปเปิ้ลเปลี่ยนการตัดสินใจ ส่วนล่าสุดนักร้องสาวชื่อดังวัย 26 ปี ที่ออกมาเรียกร้องเพื่อเพื่อนร่วมวงการเพลง ก็ออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะนำเพลงในอัลบั้ม 1989 บรรจุลงในคลังเพลงของแอปเปิ้ล มิวสิค ด้วย

 
 
 

Comments


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page