top of page

ชีวิตที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ

  • Words of wisdom -- Credit by...Roj Wongprasert
  • 24 มิ.ย. 2558
  • ยาว 2 นาที

warren-buffett-tells-managers-their-top-priority-is-to-zealously-guard-berkshires-reputation.jpg

เราท่านคงได้ยินข่าวของสมเด็จพระสันตปาปาเป็นประมุขของกรุงโรม ประมุขของชาวคาทอลิก พระสันตปาปาเบเนดิกส์ที่ 1 พระองค์ผู้เป็นนักบวชคณะเยซูอิสต์ ชาวอาเจนติน่าคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นประมุขของคริสต์ศาสนา ในชีวิตของพระองค์ทรงดำรงชีวิตเรียบง่าย เดินทางปฏิบัติงานประจำวันด้วยการโดยสารรถเมล์ เสวยอาหารอย่างง่าย ๆ เมื่อต้องทรงเสด็จไปปฏิบัติงานในฐานะพระคาร์ดินัลที่กรุงโรม ทรงพักในโรงแรมเล็ก ๆ ไม่มีที่พักส่วนพระองค์ ทรงยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นผู้โอบอ้อมอารีต่อผู้ชราและคนยากจน

บางท่านอาจจะกล่าวว่า ก็นั่นเป็นชีวิตของนักบวช ซึ่งก็คงต้องสมถะ เรียบ ๆ ง่าย ๆ และสำรวมตนอยู่แล้ว ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไป คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะต้องอ้ต้องกวด ต้องสวมหัวโขน พอดีนึกได้ถึงชีวิตของมหาเศรษฐีชาวอเมริกาท่านหนึ่ง กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง ติดต่อกันมานาน ผู้มีทรัพย์สินมูลค่าหกหมื่นสามพันล้านดอลลล่าร์สหรัฐอเมริกา ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็มีมูลค่าราว1.9 ล้านล้านบาท เขาผู้นี้คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานและซีอีโอบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทอันดับต้น ๆ ของสหรัฐอเมริกาและของโลก ถือหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย อาทิเช่น โคคาโคล่า ไอบีเอ็ม พีแอนด์จี เอเมกซ์ และบริษัทชั้นนำระดับโลกอีกมากมาย ดูจากโปรไฟล์แบบนี้ คงคิดกันว่า ท่านผู้นี้ชีวิตแต่ละวันคงจะยุ่งเหยิงมากมาย จนหาเวลาส่วนตัวไม่ได้

แต่ ตรงกันข้าม แต่ละวันเขาเดินทางไปทำงานแบบสบาย ๆ ขับรถยนต์ด้วยตนเอง ไม่ต้องมีพนักงานขับรถประจำตำแหน่ง ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาที เพราะเขาเลือกเอาที่อยู่อาศัยใกล้ ๆ ที่ทำงานเท่านั้น เขาไม่นั่งดูจอคอมพิวเตอร์ ไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวบนโต๊ะทำงาน ไม่มีโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง เมื่อมีผู้ติดต่อขอพบ เขาบอกว่า มาได้เลยเพราะเขาไม่มีตารางเวลานัดหมาย

บัฟเฟตต์ไม่ทำงานจนดึกดื่น เขากลับบ้านตามเวลาปกติ ช่วงหัวค่ำเขาชอบนั่งดูทีวี พร้อมกับทานข้าวโพดคั่ว เวลากินอาหารนอกบ้าน เขามักจะไปกินร้านอาหารเดิม ๆ และอาหารก็สั่งแบบเดิม ๆ เขาให้เหตุผลว่า ไม่รู้จะเสี่ยงไปทำไม อาหารร้านนี้ก็อร่อยอยู่แล้ว เวลาเดินทางโดยเครื่องบิน เขาไปเพียงลำพัง ไม่มีผู้ติดตาม ครั้งหนึ่งมีผู้พบบัฟเฟตต์ที่ร้านแมคโดนัลด์ในสนามบินแห่งหนึ่ง เขาเข้าไปทักทายและถามเพื่อความมั่นใจ “ คุณคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ รึเปล่า “ เขาตอบว่า “ ใช่ “ ชายคนที่ทักถึงกับอุทานด้วยความฉงาน ไม่มั่นใจ “ เป็นไปไม่ได้ “ เพราะเขาคอดว่า มหาเศรษฐีอย่างบัฟเฟตต์จะมาเดินลากกระเป๋าได้อย่างไร

อาจจะกล่าวได้ว่า มหาเศรษฐีท่านนี้ดำเนินชีวิตอย่างเรียบ ๆ ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่เขามีฐานะทางสังคมระดับสูงหรือที่เรียกว่า “ ไฮโซ “ แต่เพราะชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ลึกลับซับซ้อน ไม่มีหัวโขนมากเกินไป จึงไม่มีความเครียดหรือความกดดัน

จากอดีตของบัฟเฟตต์ สมัยเด็ก ๆ เป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ ทุกเช้าประมาณเจ็ดโมงเช้า เขาจะเคาะประตูตามบ้านแล้วพูดเสียงดังว่า “ หนังสือพิมพ์มาส่งครับ “ “ มีหมากฝรั่ง กาแฟ และโคคาโคล่า จะรับด้วยไหมครับ “ เพื่อหารายได้ในวัยเยาว์กำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมและมัธยม เขาต้องมีวิธีคิดวิธีทำที่น่าสนใจ เป็นตัวอย่างแห่งการวางตัว ประพฤติ และปฏิบัติ ของผู้บริหารและของนักธุรกิจทั้งหลาน

ที่น่าทึ่งอีกประการหนึ่ง กล่าวได้ว่า บัฟเฟตต์เป็นนักทำบุญทำกุศลตัวยง เขาบริจาคเงินของเขา เพื่อช่วยสาธารณกุศล จำนวนมากและสม่ำเสมออีกด้วย

26-warren-buffett-coca-cola.w529.h529.2x.jpg

เราสามารถหาหนังสือประวัติของเขามาอ่านเป้นข้อคิดและเตือนใจเราได้พอสมควร

เชื่อได้ว่า ชีวิตแบเรียบ ๆ ง่าย ๆ นี้ นักธุรกิจหรือมหาเศรษฐีใหญ่ในประเทศไทยบางท่าน ก็เข้าลักษณะเดียวกัน ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกัน “คนโตคนใหญ่ มักจะทำตัวให้เล็ก แต่คนเล็กกลับพยายามทำตัวใหญ่ “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่คนเรามีอะไรเหมือน ๆ กัน เช่น มีชิวิต มีลมหายใจ มีกิเลสและตัณหาเหมือนกัน เรามีความ โลภ โกรธ หลง ในแต่ละช่วงแต่ละเวลาเหมือนกัน บางคนปล่อยใจไปกับกิเลสและตัณหา เพราะความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ทำร้ายและทำลาย หรือเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น

เรามีสติปัญญาเหมือนกัน แต่ความสามราถในการใช้สติปัญญาแตกต่างกัน เรามีเวลาเท่ากันคือ ทุกคนมีวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เราใช้เวลาหรือบริหารเวลาแตกต่างกัน ประสิทธิผลเลยออกมาแตกต่างกัน เมื่อเรามีสติ เราทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าขาดสติ เราทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่

หันกลับมามองชีวิตของคนขายประกันชีวิตกันบ้าง หลายครั้งที่มองได้ว่า เรากำลังทำแนวทางที่ตรงกันข้ามกับมหาเศรษฐีท่านนี้เขาทำกัน เช่นการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย ชอบความโอ่อ่า รสนิยมสูง การกินไกล สร้างหนี้ให้กับตนเอง โดยความคิดว่า “ มีหนี้แล้ว จะได้ขยัน หารายได้มาใช้หนี้ “แต่บางครั้ง เราทำไม่ได้ตามความจำเป็นที่สร้างหนี้ไว้ ในที่สุดเราก็เริ่มขาดคุณภาพในการทำงาน กระทำผิดกฎหมาย ระเบียบและจรรยาบรรณ เพื่อเอาตัวรอด คนที่มองแต่ความร่ำรวยเป็นหลัก คิดแต่ว่าจะรวยอย่างไร มักจะเป็นคนเห็นแก่ตัว มักง่าย อยากได้ และในบั่นปลายก็มักจะเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ คดโกงและชอบเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็นขายอะไร ขายตรง ขายประกันภัย มักจะใช้จุดขายซีกเดียว คือ ส่วนมากจะพูดว่า อาชีพนี้ ทำแล้วรวย รายได้มหาศาล ไม่มีเพดานจำกัดทางรายได้ วิธีนี้เป็นวิธีปกติทั่วไปที่ใช้ในการ Recruit คนมาร่วมงาน และมักจะโชว์ความสำเร็จด้วยความร่ำรวยมหาศาล เช่นมีบ้านหลังโตๆ มีรถยนต์ราคาสูงและหลายคัน จัดงานทีก็ต้องโอ่อ่า อาหารราคาสูง มีดนตรีทันสมัย สุราเครื่องดื่อมเพรียบ แต่งกายทันสมัยพร้อมเครื่องประดับมากมาย ...วิธีนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะผิด เพราะไม่มีใครไม่อยากรวย ทุกคนปรารถนาเหมือนกัน

เรามีโอกาสที่เหมือนกันทุกคน แต่โอกาสไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะหรือสภาพทางสังคม เรามีอิสรภาพในการทำงานเหมือนกัน แต่เราใช้อิสรภาพที่แตกต่างกันทั้งความคิดและการแสดงออก อิสรภาพในการทำงานจะเกิดผลง่ายกว่า หากเราทำเพื่อหรือคิดทำเพื่อผู้อื่น มากกว่าตนเอง รวมทั้งการเคารพในอิสรภาพของผู้อื่นด้วย เช่น หากเราจะใช้อิสรภาพโดยแสวงหาอำนาจในการควบคุมผู้อื่น มักจะสะท้อนกลับมาทำร้ายตนเองในที่สุด

ชีวิตที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ จะสร้างความอบอุ่นใจให้ชีวิต ไม่ต้องเคร่งเครียดกลับบ้านดึก มีเวลาพักผ่อน บางครั้งความโอ่อ่าจอมปลอมก็มิได้ช่วยเราให้ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด การมีหัวโขน หรือทำฟอร์มเป็นผู้ประสบความสำเร็จจนเกินความเป็นจริง อาจทำให้เราเกิดความเครียดและความกดดัน ซึ่งแทนที่จะถึงจุดสมหวัง แต่จะล่าช้ากว่า และอาจจะล้มเหลว ชีวิตการทำงานไม่ราบรื่น ขาดความสุข

ลองหันมาคิดและดำเนินชีวิตแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่สุดโต่งจนเกินตัว จะเป็นผลดีต่อสุขภาพจิต สุขภาพกาย และทำให้สมองแจ่มใส คิดทำอะไรก็ได้ผลดี เช่นแต่งกายแบบเรียบง่าย กินอาหารแบบง่าย ๆ การวางตัวแบบเรียบง่าย เป็นมิตรมีไมตรีกับผู้คบค้า วางตัวสบายๆและเสมอต้นเสมอปลาย จิตใจเป็นสุข ไม่อคติกับใคร ไม่กล่าวร้ายใคร ทำอย่างนี้ นอกจากจะมีโอกาสด้านการงานแล้ว เชื่อว่าสุขภาพจิตจะดี จิตมีสุข ร่างกายมีสุข โรคไม่ถามหาก่อนเวลาสมควร

บางครั้งหากเราได้ใส่อุดมการณ์ในการทำงานเข้าไป เช่น งานประกันภัยเป็นงานของนักบุญ คนขายได้กุศล คนทำประกันชีวิตได้บุญได้กุศล เพราะนอกจากประกันชีวิตเป็นการออมทรัพย์แล้ว อีกส่วนหนึ่ง เป็นการช่วยเหลือมนุษย์ซึ่งกันและกัน ด้วยการร่วมกันเฉลี่ยเงินร่วมกันชดเชยความเสียหายจากภัยที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นเป้าหมายที่อมตะคุณค่ามากกว่า ทำงานนี้แล้วเราจะรวย หรือเรามาแสวงหาความร่ำรวยจากงานประกันชีวิตกันดีกว่า

คิดว่าน่าจะเป็นข้อคิดที่ดีกว่าคำว่า “ เราจะมารวยกันงานที่เราทำ” ก็เป็นได้นะครับ

 
 
 

Comments


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page