ปลูกสิ่งใด ได้สิ่งนั้น
- Words of wisdom -- Credit by...Roj Wongprasert
- 19 มิ.ย. 2558
- ยาว 2 นาที

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คนเคยโกง อยู่อย่างไรก็โกงล่ำไป คนเคยเล่นการพนัน เจอกี่ครั้ง ๆ ก็ยังเล่นการพนัน คนติดสุรา ก็จะติดสุราต่อไป คนขี้เกียจก็ขี้เกียจต่อไป หาจำนวนผู้ที่เปลี่ยนแปลงได้น้อยมาก ถ้าถามคนเหล่านี้ว่า รู้ตัวไหมว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร เชื่อว่าเขาก็รู้ รู้ด้วยว่าที่ทำนั้นไม่ดี แต่ก็ยังทำต่อไป
เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ติดบุหรี่เป็นนิสัย เวลาคุยกัน เขาก็ยอมรับว่าไม่ดี ปัจจุบันจะสูบบุหรี่แต่ละครั้งน้ำแสนลำบาก ต้องหาที่เฉพาะ แม้ขนาดห้องสุขาในอาคาร ยังไม่ต้อนรับคนสูบบุหรี่ เคยชักชวนให้เขาเลิก และเป็นผลสำเร็จ โดยเขาเห็นคล้อยตามที่จะหยุดสูบ หาวิธีต่าง ๆ นานา แต่แล้วก็กลับมาสูบอีก กลับไปกลับมาอย่างนี้ถึงสามครั้ง ในที่สุดก็กลับไปสูบอย่างเดิม
สังเกตเห็นไหมว่า นักโทษคดีลักทรัพย์ หรือคดียาเสพติด หรือคดีข่มขืนสาว พอสอบประวัติแล้ว แต่ละคนเคยทำมาแล้วหลายครั้ง ถูกจับ ถูกติดคุกแล้วก็มี แต่พอออกไปก็ทำอีก
ในทางตรงกันข้าม คนที่มีนิสัยที่ดี ก็มักจะดีไปตลอด คนธรรมมะธรรมโมก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป เหมือนกับว่าปลูกสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้น
นักธุรกิจการเกษตรใหญ่ท่านหนึ่ง คิดจะวางมือในการบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ไปให้น้อง ๆ ทำแทน ตนจะคงเหลือฐานะประธานกรรมการเท่านั้น บังเอิญมีน้องห้าคน ไม่รู้จะตัดสินใจเลือกใคร วันหนึ่ง ได้เรียกน้องทั้งห้ามาพบและพูดถึงความประสงค์และขอตัดสินใจด้วยการทดสอบความสามารถของน้อง ๆ โดยเขาได้มอบเมล็ดพันธ์ให้น้องทั้งห้าไปปลูกและดูแล หลังจากนั้นหนึ่งปีให้นำผลงานมาให้ดู น้องทั้งห้าก็กลับไปตามความประสงค์ของพี่ ปรากฎหลังจากนั้นหนึ่งปีผ่านไป เมื่อเอาผลงานมาให้พี่ใหญ่ตรวจ แต่ละคนรายงานถึงวิธีปลูก ลดน้ำ พรวนดิน ให้แสงแดด ใส่ปุ๋ยต่าง ๆ นานา ปรากฎว่าน้องคนเล็กนำกระถางเปล่า ๆ มาแสดง เป็นที่งวยงงของบรรดาพี่ ๆ
พี่ใหญ่จึงถามว่า “ ของคนอื่นเมล็ดพันธ์ขึ้นต้นงอกงามดี แล้วทำไมของเจ้าจึงไม่มีอะไรเลย มีแต่กระถางเปล่า ๆ ”
น้องเล็กตอบว่า “ ทุกอย่างที่พี่ ๆ ทำ ผมก็ทำหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะหาดินคุณภาพ ลงเมล็ดลงในดิน หมั่นลดน้ำ ให้แสงแดด ฯลฯ แต่ปรากฎว่า ของผมทำไมไม่ขึ้นก็ไม่รู้ ”
พี่ใหญ่ หยุดสักพัก แล้วก็ประกาศว่า “ บัดนี้พี่ได้คนที่จะมาทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการแทนแล้ว นั่นก็คือ น้องเล็กนั่นเอง ” พอประกาศเช่นนี้แต่ละคนถึงกับหน้าเสีย โวยวายกันว่า “ ทำไมล่ะ มีเหตุผลอะไร ต้นไม้ของผมก็งาม ต่างกับน้องคนเล็กที่มีแต่กระถางเปล่า ”
พี่ใหญ่สรุปว่า “ เมล็ดพันธุ์ที่พี่แจกนั้น เป็นเมล็ดพันธ์ที่ต้มสุกแล้ว จึงไม่มีโอกาสจะขึ้น
ดังนั้น น้อง ๆ จงยอมรับเถิดว่า น้องได้ไปหาเมล็ดใหม่มาแทน มีแต่น้องเล็กคนเดียวที่เพียรพยายามด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จึงเหมาะสมที่สุด เพราะผู้นำต้องมีความสุจริต จริงใจ ไม่โกง ไม่หวังในอำนาจ โดยไม่แคร์ว่าจะได้มาด้วยวิธีใด ”
“ ปลูกชีวิต ก็เหมือนปลูกพืชพันธ์ ปลูกสิ่งใด แบบใด ก็ได้อย่างนั้น” เป็นสัจธรรมที่เป็นอมตะไม่มีเปลี่ยนแปลง
ลักษณะของคนไทย สังคมไทย ครอบครัวคนไทยหลายครอบครัว ปลูกฝังวิธีคิดหรือนิสัยที่เสีย ๆ ติดต่อกันมา ขี้อิจฉาริษยา ขี้งกโลภหลง เอาเปรียบไม่ยอมเสียเปรียบ ไม่ยอมแพ้แม้ต้องแพ้ ก้าวร้าว โอหัง ขี้โอ่ ขี้โกง และก็ตอดกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน ในขณะที่หลายประเทศสังคมของเขาครอบครัวของเขา ปลูกฝังให้เป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ เอื้อเฟื้อกันและกัน สามัคคี โอบอ้อมอารี ประชาชนประเทศนั้นก็เป็นอย่างที่ปลูกฝัง น่าอยู่ อยู่แล้วมีความสุข
องค์กรใดก็ตาม คนที่ทุจริต ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ซื่อตรง เอาแต่นินทาว่าร้ายเพื่อนร่วมงาน ไม่ทุ่มเทมานะทำงาน บางคนเริ่มทุจริตตั้งแต่เป็นพนักงาน พอเป็นหัวหน้าก็ยังไม่ยุติ คิดไปแล้ว ทำไมยังไม่หมดไป คำตอบที่มีให้กับตนเองซึ่งทำงานจนชั่วชีวิตกว่าสี่สิบปี ที่จะหมดคนชั่วนั้นคงเป็นไปได้ยาก ไม่มีทางเลยเพียงแต่จะขจัดให้น้อยลงอย่างดีที่สุดได้อย่างไรต่างหาก
ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือนิสัยพื้นฐานตั้งแต่เด็ก ๆ ได้เป็นมาอย่างไร เมื่อเติบโตก็จะเป็นอย่างนั้น วันนี้จึงขอนำ “ 8 คุณธรรมพื้นฐาน “ เอกสารประชาสัมพันธ์ของประทรวงศึกษา โดยยึดคุณธรรมนำความรู้ สำนึกในคุณค่าของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นคนดี มีความรู้และอยู่ดีมีสุข มีอนาคตที่ดี เท่ากับชวนกันให้กลับไปมองที่พื้นฐาน( Back to the basic ) กันเลย
คุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ
ขยัน เพียรพยายามทำหน้าที่การงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องในเรื่องที่ถูกที่ควร สู้งาน มีความพยายาม ไม่ท้อถอย กล้าเผชิญอุปสรรค รักงาน ตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง
ประหยัด ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย รู้จักฐานะการเงินของตน เก็บออม ถนอมใช้อย่างคุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ รู้จักทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตนอยู่เสมอ
ซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อหน้าที่ ต่อบริษัท และต่อผู้เอาประกันภัย ไม่ลำเอียง ไม่อคติ ไม่ใช้เล่ห์กลโกงทั้งทางตรงและทางอ้อม มีเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งอาชีวปฏิญาณ
มีวินัย ปฏิบัติตนอยู่ในขอบเขต กฎ ระเบียบ ขององค์กร และข้อกำหนดของทีมงานหรือคณะ สังคมและประเทศ ปฏิบัติด้วยความเต็มใจ และยึดมั่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
สุภาพ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รักษาจารีตประเพณี มีสัมมาคารวะ เรียบร้อย ไม่ก้าวร้าวรุนแรงหรือวางอำนาจข่มขู่ ท่าทางที่เหมาะสมตามวัฒนธรรมไทย
สะอาด สะอาดทั้งใจและกาย แต่งกายสะอาด จิตใจสะอาด ไม่มัวหมองทั้งกายและจิตใจ สภาพแวดล้อมที่สะอาด ทำให้เจริญตาแก่ผู้พบเห็น
สามัคคี งานประกันชีวิต ทำเด่นทำดังคนเดียวไม่ได้ ต้องทำกันเป็นทีม แต่ละคนรู้บทบาทตนเองทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตาม มุ่งมั่นต่อการรวมพลัง ช่วยเหลือเกื้อกูล ขจัดความขัดแย้ง ยอมรับความแตกต่าง ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดและควาเชื่อ เพื่ออยู่อย่างสันติและสมานฉันท์
มีน้ำใจ เป็นผู้ให้และผู้อาสาช่วยเหลือคณะและสังคม รู้จักแบ่งปัน ทำประโยชน์แก่ผู้อื่น เห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์เอื้ออาทรเอาใจใส่ อาสาชวยเหลือด้วยแรงกายและสติปัญญา
ถ้าเราฝึกทำนิสัยพื้นฐานเหล่านี้ ให้เป็นนิสัยที่มั่นคงยั่งยืนของเรา ก็เชื่อได้ว่าในที่สุดเราก็ได้ชื่อรับการสรรเสริญว่าเป็นคนที่ทรงคุณค่าของธุรกิจ ด้วยความตั้งใจตกลงใจสมัครใจของเราเอง จะมีความภาคภุมิใจ ไม่ต้องรอให้ใคร.มาตีกรอบตั้งมาตรการควบคุมบังคับพวกเราให้ลำบาก “ เศรษฐกิจประชาคมอาเชียน ” ใกล้เข้ามาแล้ว คนที่ผิดจรรยาบรรณ ขาดศีลธรรม เปลี่ยนใจเสียเถิด เพราะสังคมจะต้อนรับเฉพาะคนดีเท่านั้น คนที่ประพฤติไม่ดี นิสัยไม่ดี จะไม่มีวันยืนยาวในวิชาชีพไปได้หรอกครับ
Comentarios