ศรัทธา – มหัศจรรย์ของชีวิต
- Words of wisdom -- Credit by...Roj Wongprasert
- 13 มิ.ย. 2558
- ยาว 2 นาที

ช่วงที่เขียนบทความนี้ ฝนตกหนักแทบทุกวัน และแทบทั้งวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ นำความเดือดร้อนสู่ชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วมจำนวนมาก ผู้เขียนก็เดือดร้อนกับฝนตกกับเขาเหมือนกัน เนื่องจากจะต้องเดินทางจากบ้านที่จังหวัดกาญจนบุรีเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ฯ เป็นประจำ ฝนมักจะตกเอาเวลาที่กำลังเดินนทางพอดีเสมอ ๆ แต่พอนึกถึงความเดือดร้อนของผู้ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมแล้ว ความยากลำบากของตนเองเล็ก ๆ จิ๊บ ๆ เมื่อเทียบกับของเขา ทำให้อดทนได้ ไม่บ่น และขอบคุณพระที่เมตตา รวมทั้งขอคุณพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาผู้ที่กำลังเดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งนี้ด้วย เราห้ามฝนไม่ให้ตกนั้นไม่ได้ แต่เราสามารถป้องกันหรือลดความเสียหายจากฝนตกนั้นได้ด้วยกันหลายวิธี
เช่นเดียวกัน ในชีวิตของเราอาจมีปัญหา มีอุปสรรค ทั้งหนักทั้งเบาเข้ามาในชีวิต ไม่มีคนไหนที่พูดได้ว่า เขาไม่มีปัญหาหรืออุปสรรค ดังนั้น การยอมรับต่อปัญหาและอุสรรคต่าง ๆ และหาวิธีแก้ไข ป้องกัน ผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือให้หมดไปทีละเปราะ ๆ จึงถือเป็นหน้าที่ของแต่ละคนจะพึงกระทำ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ตรงกันข้ามกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นในประเทศไทยข้างต้น เป็นเมืองเล็ก ๆ ในต่างประเทศเมืองหนึ่ง ปรากฎว่าเมืองของเขาแห้งแล้ง อากาศร้อน ไม่มีฝน ต้นไม้ต้นหญ้ากำลังจะตายเพราะขาดน้ำ ชาวบ้านก็กลุ้มอกกลุ้มใจ เพราะทำมาหากินไม่ได้ ประเทศของเขาไม่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแบบประเทศไทย พอขาดน้ำขาดฝน พระองค์ท่านก็ทำฝนเทียมมาช่วยประชากรของพระองค์ ทำให้คลายปัญหาไปได้ เมืองนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
นักบวชของพวกชาวบ้าน ได้เรียกชาวบ้านมาเพื่อทำพิธีขอฝนจากพระเจ้า พิธีนี้จำเป็นต้องทำกลางแจ้ง เนื่องจากไม่มีวิธีอื่นใดอีกแล้ว ชาวบ้านทุกครอบครัวจึงมากันเต็มลานกลางแจ้งหน้าโบสถ์ ในขณะทำพิธีด้วยความตั้งใจนั้น ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่น่าเชื่อ ชาวบ้านฮือฮา เปียกฝนกันไปทั่วหน้า ด้วยความปิติยินดี แต่ในกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากนั้น มีเด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่ง เธอไม่เปียกฝน เพราะเธอเตรียมเอาร่มมาด้วย จึงเป็นคนเดียวเท่านั้นในกลุ่มคนนับพัน ที่แตกต่างกับคนอื่น ๆ นักบวชประธานในพิธีขอฝน เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ร้องไห้ออกมาแล้วกล่าวกับฝูงชนที่มาร่วมพิธีว่า
“ ท่านทั้งหลาย ที่มาร่วมพิธีในวันนี้ คงจะไม่เชื่อมั่นว่าฝนจะตก จึงไม่ได้เตรียมการใด ๆ มา แต่หนูน้อยคนนี้ซิ เธอเชื่อมั่นในพระเจ้าว่า เมื่อทำพิธีขอฝนแล้ว ฝนจะตกลงมาแน่นอน เธอถึงเตรียมพร้อมถือร่มมากันฝนด้วย เป็นตัวอย่างในความศรัทธาของเธอที่มีต่อพวกเราทุกคน “ ชาวบ้านได้ยินบาทหลวงพูด หันไปมองหนูน้อย แล้วทุกคนก็ปรบมือสรรเสริญเด็กน้อยคนนั้น

เธอศรัทธาในพิธีกรรมที่เธอเข้าร่วม ความศรัทธาทำให้เกิดการกระทำ และนำพาให้บรรลุความสำเร็จสมความปรารถนาที่ทุกคนรอคอย ในประเทศไทยของเรา บางครั้งเราใช้คำว่า ” ความเชื่อ “ คนไทยมีความเชื่อต่าง ๆ มากมาย จนถูกเรียกเป็น ” ความงมงาย “ หรือความเชื่ออย่างไร้เหตุผล แท้จริงแล้วความศรัทธาหรือความเชื่อ หรือความงมงายก็เหมือนกัน เพราะความศรัทธา ความเชื่อ ความงมงาย เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลทั้งนั้น เป็นไสยศาสตร์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่ทว่า เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวของคนไทย อย่างจริง ๆ จัง ๆ บ้าง เฉพาะการณ์เฉพาะกิจบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ เช่น การดูโชคชะตาราศี ดูดวง หรือให้หมอดูทำนายชะตาชีวิต ทุกเดือน ทุกปี เป็นประจำ จนทำให้เกิดอาชีพหมอดูทำรายได้มหาศาล คงเป็นประเทศที่มีโฆษณาหมอดูออกทีวีมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เกิดเป็นชมรมหรือสมาคมโหราศาสตร์ขึ้นมา หรือ การเชื่อเจ้าเข้าทรง จนเกิดกลุ่มบรรดาเจ้าเข้าทรง มีการชุมนุมบรรดาเจ้าเข้าทรงทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งเห็นสัตว์ เห็นต้นไม้แปลก ๆ ก็เอาทองเปลวไปปิด กราบไหว้ ขอเลขกัน ฯลฯ คิดได้ว่า เป็นความเชื่อ หรือศรัทธา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ต้องถามหาเหตุผล แต่ว่าก็ทำให้ชีวิตของคนที่เชื่อหรือศรัทธานั้นมีความสุขในชีวิตของเขา
จอห์น ดิวอี้ ปราชญ์เรืองนาม กล่าวไว้ว่า “ เพราะความศรัทธาที่โลกมีต่อดวงอาทิตย์ ทำให้โลกปฏิบัติหน้าที่หมุนรอบดวงอาทิตย์มายาวนาน และเพราะความรักที่ดวงอาทิตย์มีต่อโลก ทำให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างสู่โลก เช่นกัน “ นั่นเป็นเพียงข้อเปรียบเทียบ แต่ความหมายที่แท้จริงก็คือ ความเชื่อ ความศรัทธา ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นในโลกของเรา และในชีวิตของเรา
แต่ในการทำงาน อาจจะแตกต่างกับเรื่องข้างต้น ไม่ว่าเราทำงานอะไรก็ตาม หรืออยู่ในตำแหน่งงานอะไร เราต้องเชื่อมั่น และ ศรัทธาในงานนั้น ความสำเร็จในการทำงานจึงจะเกิด แต่ถ้าเราทำงานอะไร ทำหน้าที่ใด ขาดความศรัทธา หรือขาดความเชื่อในงานนั้นหรือหน้าที่นั้น งานย่อมไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีความเชื่อความศรัทธา ผลก็จะออกมาอีกทางหนึ่ง ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า เมื่อเราไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใสศรัทธา เราก็จะไม่ใส่หัวใจหรือจิตวิญญาณลงไปในงานที่ทำ ในหน้าที่ที่เราทำ ทำไปอย่างนั้น ทำฆ่าเวลา ทำแบบขอไปที ทำแบบไม่มีชีวิตชีวา หรือทำแบบซังกะตาย อย่างไงอย่างนั้น แต่ถ้าทำด้วยความรักศรัทธา เชื่อมั่น เราจะทุ่มจิตวิญญาณของเราลงไป ทำสุดหัวใจ ผลก็จะออกมาในทางตรงกันข้าม
ความศรัทธา อยู่เหนือความรัก เมื่อรักสุด ๆ รักบริสิทธิ์ใจ จะยกระดับเป็นความศรัทธา บางคนกล่าวว่า การทำงานที่ดีคือการให้ แต่ลึกลงไป การทำงานที่ดีคือการทำกุศล การให้อาจจะเลือกคนที่เราจะให้ แต่การทำกุศล เราให้ทุกคน เมื่อเราพบหรือมีโอกาส ทำกุศลมากเราก้ได้บุญมาก เราก็มีความสุขมาก
อาชีพที่อยู่กับการให้ หรือการทำกุศล อาชีพหนึ่งก็คือ อาชีพนักขาย ปัจจุบันประชากรในโลกนี้มีประมาณหกพันล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในอาชีพนักขาย 62.7 ล้านคน ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยมียอดขายเมื่อสามปีที่แล้วประมาณ 41,700 ล้านบาท ส่วนตัวแทนประกันชีวิตมีจำนวนประมาณ สามแสนคน นับได้ว่าเป็นอาชีพที่มีจำนวนคนทำงานจำนวนมาก
ความศรัทธา จะเป็นต้นกำเนิดของจตุพลังที่จิตวิญญาณ หรือพลังศูนย์กลางของคนแต่ละคน ทำให้เกิดความเชื่อ ความมุ่งมั่น( Focus For Control ) และความจริงใจ การมองโลกในแง่ดี(optimism )ความซื่อสัตย์สุจริต (Integrity) และความรับผิดชอบ ดูเหมือนเป็นเรื่องทางจิตใจทั้งนั้น แต่ถ้ามีเต็มร้อย จะเกิดพลังขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในการงานได้ ในเรื่องของจิตใจระหว่าง100 % กับ 99% ไม่ใช่ต่างกันแค่ 1% แตต่างกันคือความสำเร็จกับความล้มเหลว
เมื่อเราเริ่มทำงาน และเมื่อเราทำงานไปแล้ว ต้องคอยทบทวนตนเองเสมอ ๆและบ่อย ๆ โดยเราต้องมีคุณสมบัติที่เรียกว่า หกประการแห่งความสำเร็จ นี้หรือไม่ คือ
ต้องรู้จุดมุ่งหมายของตนเอง
ต้องตระหนักถึงอุปสรรคและปัญหาที่รออยู่
ต้องมีเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง
ต้องมีแรงบันดาลใจภายในอย่างเข้มแข็ง ( Strong Internal Motivation )
ต้องยึดมั่นเชื่อมั่น ไม่ยอมแพ้ ( Self Esteem )
ต้องมีเป้าหมายของตนเองอย่างชัดเจน
คนเราทุกคนมีความดีและความเลวในตัวด้วยกัน แต่คนดีคือคนทีควบคุมความเลวของตนได้ บางคนเป็นคนดีในขณะเริ่มต้น แต่พอทำงานไปบางคนอาจจะไม่รู้จักตนเอง เมื่ออยู่ในอำนาจ จะหวงแหนอำนาจ หรือกลัวว่าอำนาจจะหลุดมือไป บางคนติดนิสัยการอะลุ่มอล่วย ความอะลุ่มอล่วย ทำให้เริ่มเกิดการมักง่ายเพิ่มขึ้น ๆ ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นผลต่อความศรัทธาที่เรากำลังสร้างขึ้น ความศรัทธาจะเสื่อมลง เพราะอำนาจ เพราะความอะลุ่มอล่วยกับตนเอง
ความศรัทธาในเรื่องของงานเขากำหนดว่า ต้องศรัทธาหกด้าน หรือกระทำแห่งความศรัทธาหกด้าน คือ ศรัทธาต่อองค์กร ศรัทธาต่อผู้บังคับบับญชา ศรัทธาต่อผู้ร่วมงาน ศรัทธาต่อลูกค้า ศรัทธาต่อผลิตภัณฑ์ และสุดท้าย ศรัทธาต่อตนเอง ที่สำคัญที่สุด ความสำเร็จและความล้มเหลวของนักขาย เกิดจากความศรัทธาต่อตนเอง ถ้าเราเชื่อมั่นในตนเองว่าเราทำได้ เราก็ทำได้ แต่ถ้าเราคิดว่าเราทำไม่ได้ เราก็จะทำไม่ได้ ดังนั้นจงอย่าดูถูกตนเอง เชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของตนเอง เป็นสำคัญ.
Comments