top of page
ค้นหา

กานต์ ตระกูลฮุน เปลี่ยนแปลงพัฒนาสู่ความยั่งยืน

  • COVER Story
  • 11 มิ.ย. 2558
  • ยาว 1 นาที

cover story.jpg

บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มบริษัทเอสซีจี ภายใต้การนำของ กานต์ ตระกูลฮุน เป็นผู้นำองค์กรชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยแนวปฏิบัติเพื่อสร้างความสมดุลในเรื่องเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักบรรษัทภิบาล เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในทุกชุมชุน ทุกประเทศที่เอสซีจีเข้าไปดำเนินธุรกิจ ตลอดระยะเวลา 100 ปี เอสซีจี มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า โดยคำนึงถึง การสร้างความสมดุลระหว่างผู้คนในสังคม ชุมชุนและสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตควบคู่กันและอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนในอนาคตสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอสซีจีที่ในปีพุทธศักราช 2558 เอสซีจีจะเป็นผู้นำทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน เป็นองค์กรนวัตกรรมที่น่าร่วมงานด้วย และเป็นแบบอย่างที่ดีของการทำงานอย่างโปร่งใสตามหลักบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แนวทางการลงทุนของ SCG ตามวิสัยทัศน์และมุมมองของ “กานต์ ตระกูลฮุน” นั้น ปักธงตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ จะนำพา SCG เดินหน้าขยายการลงทุนโครงการในภูมิภาคอาเซียนตามแผนที่ได้วางไว้ ด้วยงบการลงทุนกว่า 2.5 แสนล้านบาท ทั้งการลงทุน โครงการโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย, เมียนมาร์ และกัมพูชา รวมไปถึงโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนามด้วย

Kan1.jpg

กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในเรื่องนี้ว่า “ผมมองว่า การเปิด AEC จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ในประเทศอาเซียนหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภูมิภาคอาเซียนจากการเสรีทางการค้า สินค้าและบริการ เงินลงทุน การลงทุน และแรงงานที่มีทักษะซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจอาเซียนมีเสถียรภาพมากขึ้น ลดการพึ่งพาการค้าขายกับภาคภูมิภาคอื่น และเพิ่มอำนาจต่อรองกับภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้อาเซียนมีการผลิตสินค้าและบริการที่เชื่อมโยงกัน เพื่อให้เกิดการทำงานที่ประสานกัน และช่วยลดต้นทุนด้านต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับระดับโลก สำหรับเอสซีจี เราเล็งเห็นความสำคัญของตลาดอาเซียนมานานแล้ว และได้วางกลยุทธ์รุกธุรกิจในอาเซียน โดยมุ่งเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของธุรกิจและคน ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญในการทำให้เอสซีจีประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

เอสซีจีเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของไทยและอาเซียนจะมีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว จึงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังคงเดินหน้าโครงการลงทุนในภูมิภาคตามแผนที่ได้วางไว้ อาทิ โครงการโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย เมียนมาร์ และกัมพูชา โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม ตามวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน”

กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “สำหรับก้าวต่อไปในการขยายการลงทุนในอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ที่ม่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนในอาเซียน ภายในปี 2558 SCG จะมีการลงทุนในรูปแบบของการเข้าไปรับซื้อกิจการมากขึ้น ซึ่งมีข้อดีคือ ใช้เวลาน้อยกว่าการสร้างโรงงานถึง 2-3 ปี อีกทั้งยังไม่กระทบการแข่งขันเนื่องจากไม่ได้เพิ่มปริมาณซัพพลายในตลาด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความเหมาะสม หากต้องลงทุน SCG ก็พร้อมจะลงทุนสร้างโรงงาน ซึ่งก็คงต้องพิจารณาเกณฑ์การลงทุนและสภาวะเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่างละเอียด

SCG เดินหน้าขยายการลงทุนรับอาเซียน เพราะเชื่อมั่นว่าอนาคตการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยและอาเซียนมีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้นจึงมีแผนการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเดินหน้าโครงการลงทุนในภูมิภาคตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน

“ในอีก 5 ปี ข้างหน้า เอสซีจี คาดว่าจะมีสัดส่วนในการลงทุนต่างประเทศมากกว่าในประเทศไทย เนื่องจากในประเทศไทยมีทุกธุรกิจอย่างครบวงจรและมีส่วนแบ่งทางการตลาดค่อนข้างเยอะ และอัตราการเติบโตในประเทศไทยมีน้อย ซึ่งสู้กับประชากรในระดับภูมิภาคไม่ได้ ถือว่าการลงทุนในต่างประเทศยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับศักยภาพที่มีอยู่ จึงจะใช้โอกาสขยายในภูมิภาคมากกว่า โดยเชื่อว่าการลงทุนอันดับ 1 จะอยู่ที่อินโดนีเซีย อันดับ 2 เวียดนาม อันดับ 3 ฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศพม่านั้นยังไม่มีโรงงานไฟฟ้า ในการสร้างโรงงานนั้นจึงเป็นเรื่องยาก คงต้องรออีกหลายปี และยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปยุโรปหรือในอเมริกา”

headquarters_05.jpg

การพัฒนาธุรกิจนั้นไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่ควรผลักดันทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมในการประยุกต์การทำงานไปพร้อมๆ กับการสร้างประโยชน์สูงสุดต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสร้างเครือข่ายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะการจะสร้างให้ธุรกิจมีการพัฒนาที่แข็งแกร่งและมั่นคงในเรื่องนี้ กานต์ ตระกูลฮุน กล่าวว่า “เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน SCG ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศและในภูมิภาค รวมทั้งพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังทุ่มเทเพื่อสร้างความสมดุลอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ล่าสุด SCG ได้รับการประเมินและจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนดาวน์โจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices – DJSI) ให้เป็นที่ 1 ของโลก ในสาขาอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (Industry : Construction Materials) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนความมุ่งมั่นของ SCG ในการสร้างประโยชน์สูงสุดต่อสังคมสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมร่วมผลักดันให้ทุกภาคส่วนนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสร้างเครือข่ายการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน”

กานต์ ตระกูลฮุน ให้ความสำคัญกับงานด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนให้ทุกธุรกิจในเอสซีจีทุ่มเทด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง และส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added-HVA) รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ SCG eco value ถือเป็นองค์กรธุรกิจรายแรกของประเทศไทยที่กำหนดสัญลักษณ์การรับรองผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนอกจากนี้ ยังพัฒนากระบวนการผลิตและรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างเครือข่ายงานวิจัยและทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดนวัตกรรมเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต นวัตกรรมสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตามความคิด “Drawing the Future”

ในปี 2558 และในอนาคตกลุ่มเอสซีจี ยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะเอสซีจีเชื่อว่าหัวใจสำคัญของนวัตกรรมที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการคิดค้น วิจัย และพัฒนาเท่านั้น แต่ความท้าทายที่สุด คือ การเปลี่ยนองค์ความรู้และงานวิจัยให้เป็นสินค้าและบริการสู่ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เป็นอีกทิศทางของการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่เอสซีจีทุ่มเท เพื่อจะนำพาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการสร้างสมดุลของสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามที่ “กานต์ ตระกูลฮุน” กำหนดวิสัยทัศน์องค์กรไว้

scg_chemical_07.jpg

 
 
 

Comentarios


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page