สุดยอด : เพชร...สวมใส่ก็ได้ ลงทุนก็ดี

โดย : ปานตา ฉัตรมาศ, CFP®

ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย

เพชรเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน ไม่เพียงแค่นำมาสวมใส่เพื่อความสวยงาม แต่มูลค่าของเพชรยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันเพชรถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุน โดยราคาของเพชรนั้นปรับสูงขึ้นประมาณปีละ 5-10% ถ้าอยากเริ่มลงทุนเพชร สิ่งใดบ้างที่เราควรพิจารณา มาดูกันเลยค่ะ

ขนาดของเพชร (Carat Weight) ไม่ใช่เพชรทุกขนาดที่ได้รับความนิยม สามารถนำมาลงทุนซื้อขายเพื่อเก็งกำไรได้ เพชรที่เหมาะกับการลงทุนควรมีน้ำหนัก 1 กะรัต (100 สตางค์) ขึ้นไป หากเพชรมีขนาดที่เล็กลงมา จะนิยมนำไปทำเครื่องประดับมากกว่า โดยเพชรขนาด 1 กะรัตในปัจจุบัน มีตั้งแต่ราคาประมาณ 50,000 บาท ไปจนถึง 800,000 บาท ขึ้นอยู่กับสีและความบริสุทธิ์ของเพชรค่ะ

สีของเพชร (Color) ถ้าพูดถึงสีของเพชรที่ได้รับความนิยม เพชรสีขาวใสสะอาดยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง สถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งอเมริกา (Gemological Institute of America: GIA) ซึ่งเป็นองค์กรด้านอัญมณีศาสตร์ชั้นนำของโลก ได้สร้างระบบการเรียกชื่อระดับสีของเพชรไร้สี โดยแบ่งเป็น 23 ระดับ และใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อความหมาย เริ่มจากคุณภาพสีที่ดีที่สุดคือ ไม่มีสี (Colorless) โดยใช้ตัวอักษร “D” จนถึงตัวอักษร “Z” โดยแบ่งเฉดสีตามช่วงดังนี้ • D, E, F : Colorless (สีขาวบริสุทธิ์) • G, H, I, J : Near Colorless (สีขาวติดเหลืองจางมากๆ) • K, L, M : Faint Yellow (สีขาวติดเหลืองจางๆ) • N, O, P, Q, R : Very Pale Yellow (สีเหลืองอ่อนมาก) • S, T, U, V, W, X, Y, Z : Pale Yellow (สีเหลืองอ่อน) เพชรที่มีสี D, E, F (เพชรน้ำ 100, 99, 98) เท่านั้น ที่จัดอยู่ในกลุ่มเพชรไร้สี หรือเพชรสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มที่หายากและมีราคาสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม เพชรที่มีน้ำ G, H, I, J (97, 96, 95, 94) ถือได้ว่าเป็นเพชรที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากราคาไม่สูงมาก และมีคุณภาพดี สามารถนำมาทำเครื่องประดับซึ่งความสวยงามจะใกล้เคียงกับเพชรสีขาวบริสุทธิ์ค่ะ

ความบริสุทธิ์ (Clarity) ความสะอาดหรือความบริสุทธิ์ของเพชรเป็นอีกสิ่งสำคัญที่เราควรพิจารณาเมื่อเลือกลงทุนเพชร ปฏิเสธไม่ได้ว่า เพชรที่ไร้ตำหนิหรือมีความบริสุทธิ์สูงจะมีราคาที่สูงกว่าเพชรที่มีตำหนิ โดย GIA ได้แบ่งระดับของความบริสุทธิ์ของเพชรออกเป็น 11 ระดับ ได้แก่ • FL (Flawless) คือ เพชรไร้ตำหนิ หรือเพชรไม่เห็นตำหนิทั้งภายนอกและภายใน • IF (Internal Flawless) คือ เพชรปราศจากตำหนิภายใน มีเพียงรอยเล็กน้อยภายนอกผิวเท่านั้น • VVS1 (Very Very Slightly Inclusions1), VSS2 (Very Very Slightly Inclusions2) คือ เพชรที่เห็นตำหนิภายในได้ยากมากๆ และมีตำหนิขนาดเล็กมากๆ • VS1 (Very Slightly Inclusions1), VS2 (Very Slightly Inclusions2) คือ เพชรที่เห็นตำหนิภายในได้ยาก ตำหนิมีขนาดเล็ก • SI1 (Slightly Inclusions1), SI2 (Slightly Inclusions2) คือ เพชรที่เห็นตำหนิภายในได้ง่าย ตำหนิมีขนาดเล็ก • I1 (Imperfect1), I2 (Imperfect2), I3 (Imperfect3) คือ เพชรมีรอยตำหนิที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยระดับความสะอาดที่เหมาะกับการลงทุนได้แก่ FL, IF, VVS1, VVS2, VS1 และ VS2 ค่ะ การเจียระไน (Cutting) การเจียระไนมีเป้าหมายเพื่อให้เพชรเป็นประกายและเงางามมากที่สุด โดยการเจียระไนเพชรสามารถแบ่งได้ตามมาตรฐานของ GIA ได้แก่ Excellent, Very Good, Good, Fair และ Poor โดยการเจียระไนสามารถทำได้รูปทรงต่างๆ หลากหลาย เช่น รูปกลมเหลี่ยมเกสร รูปสี่เหลี่ยม รูปหยดน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ เพชรรูปกลมเหลี่ยมเกสรได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงเหมาะกับการลงทุน ขณะที่เพชรรูปแบบอื่นๆ อาจจะได้รับความนิยมในบางช่วง ทำให้ราคามีความผันผวนมากกว่าเพชรรูปกลมเหลี่ยมเกสรค่ะ ใบรับประกัน (Certificate) ในการลงทุนเพชร ใบรับประกันนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นสิ่งที่บอกถึงคุณภาพและน้ำหนักของเพชร โดยมีการยิงเลเซอร์เลขรหัสใบรับรองไว้ที่ขอบเพชร ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจว่า เพชรที่ซื้อมามีลักษณะตามที่ต้องการ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถาบันอัญมณีทั้งในและต่างประเทศอยู่หลายแห่ง ซึ่งสถาบันที่ออกใบรับรองควรมีมาตรฐานและได้รับความนิยมจากทั่วโลก เช่น GIA (Gemological Institute of America) หรือ HRD (Diamond High Council)

นอกเหนือจากคุณสมบัติต่างๆ ของเพชรที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ แหล่งซื้อขายเพชร โดยควรเลือกแหล่งที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ ซึ่งขั้นตอนนี้อาจต้องใช้เวลาในการศึกษาระยะหนึ่ง หรือสอบถามจากผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว ก็จะช่วยให้เราซื้อขายเพชรได้อย่างสบายใจขึ้นค่ะ

#tips