Og Mandino : บัญญัติสิบประการของอ็อก แมนดิโน
- Words of wisdom -- Credit by...Roj Wongprasert
- 9 มิ.ย. 2558
- ยาว 2 นาที

ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับงานขาย นักขายทุกรุ่น ทุกระดับ ไม่ว่าจะขายอะไร เวทีของงานเป็นที่สร้างคนที่ประสบความสำเร็จ และคนที่ล้มเหลวมาเสมอ ๆ บางคนเรียกงานเหล่านี้เป็นสนามปราบเซียน ไม่แน่จริงทำไม่ได้ ทำได้ระยะสั้น ระยะยาวหายาก ร้อยคนอาจจะมีไม่ถึงสิบคน แม้ว่าจะจูงใจกันว่า งานขายรายได้ดี ไม่มีเพดานรายได้ ให้ความก้าวหน้าด้วยตนเอง เป็นงานอิสระเลือกเวลาทำงานตามใจสะดวก แต่ทว่าคนส่วนมากไม่เลือกทำถ้าไม่จำเป็น เพราะมองว่าไม่มั่นคง ไม่มีรายได้ประจำหรือเงินเดือน เพราะส่วนมากติดตรงนี้ กล่าวกันว่า ถ้าไม่มีเงินเดือนประจำ ก็ไม่มีแรงจูงใจจึงไม่น่าทำ คิดว่า คนเราต้องกินต้องใช้อยู่แล้ว ให้มาลงทุนทำงานแต่ต้องเสียเงินแทนที่จะได้เงิน ทำให้ไม่อยากทำ หรือทำแบบฉาบฉวยเสียส่วนมาก
อ็อก แมนดิโน ก็เป็นคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาสู่เวทีปราบเซียนนี้ เขาทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิต แต่อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ล้มเหลว แถมต้องเข้าสังคมประจำก็เลยกลายเป็นคนขี้เหล้า ทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย เมื่อขายไม่ได้ ก็ไม่มีรายได้ และถูกยกเลิกสัญญาตัวแทน กลายเป็นคนตกงาน ภรรยาที่อยู่ด้วยกันทนไม่ได้ จำเป็นต้องเลิกกัน ถูกภรรยาทิ้ง กลุ้มใจถึงกับคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง โชคดีที่มีนิสัยชอบการอ่านหนังสืออยู่บ้าง เลยเข้าห้องสมุดหาหนังสืออ่านแก้กลุ้ม เขาได้เลือกหนังสือมาเล่มหนึ่งชื่อเรื่อง “ Success Through a Positive Mental Attitude ( ความสำเร็จผ่านทัศนคติด้านจิตใจที่เป็นบวก ) เขียนโดย W.Clement Stone ( ดับบริว คลีเมนต์ สโตน) ก็เลยมีแรงบันดานใจทำให้เขาฟื้นตัว กลับมาเป็นยอดนักขาย และต่อมาเป็นยอดวิทยากรนักพูดและนักเขียนที่โด่งดังได้สำเร็จ

เท่ากับว่า อ็อกได้ก้าวข้ามจากความล้มเหลวสู่ความสำเร็จด้วยความคิดจากหนังสือเล่มเดียว ความสำเร็จกับความล้มเหลวอยู่ห่างกันแค่เส้นแดนบางๆ เรามักพูดว่าเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด อาจจะคล้าย ๆ คำว่า พอเปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยนไป ศัตรูที่สำคัญของความสำเร็จก็คือ การไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเอง และยอมจำนนกับความล้มเหลว เมื่อไรที่เรายอมแพ้ ความล้มเหลวก็เกิดขึ้น แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ ก็ยังไม่ล้มเหลว เท่านั้นเอง
ข้อคิดข้อที่สอง อาจจะบอกเราได้ว่า ขุมทรัพย์มหาศาลไม่ต้องไปหาที่ไหน หาจากหนังสือ หนังสือมีเยอะแยะ มีที่อ่านได้ฟรี หรืออยากจะซื้อมาอ่านก็สามารถทำได้ เพราะราคาเล่มที่ถูก ๆ ก็มีมาก อ่านมาก ๆ ก็จะได้ข้อคิดมาก ๆ และสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ พระบรมราโชวาทจากในหลวงตรัสว่า “ หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม “
หนังสือดัง ๆ ของอ็อกแมนดิโนเล่มหนึ่งชื่อเรื่อง “ The Greatest Salesman In The World “ ( นักขายผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ) ได้ว่กล่าวว่านักขาย ไม่ว่าจะขายอะไร ขายตรง ขายประกันชีวิต ขายอสังหาริมทรัพย์ ทุกรุ่นทุกวัยทุกระดับตำแหน่ง ไม่ควรพลาด ต้องหาอ่านกันให้ได้ เพราะอ็อกเขียนเป็นคำสอนหรือคัมภีร์ในสมัยโบราณ ซึ่งเป็นม้วนกระดาษรวมอยู่ด้วยกัน 10 ม้วน น่าอ่านและนำไปปฏิบัติคือ
1.ข้าพเจ้าจะเริ่มชีวิตใหม่ในวันนี้ ( Today I begin a new life ) ทุกวัน เริ่มเป็นวันใหม่ของชีวิตใหม่ ทำอะไรก็ได้หรือคิดอย่างไรก็ได้ที่ทำให้เราเริ่มต้นอย่างสดชื่น ไม่เฉื่อย ไม่เบื่อ พนักงานประจำบางคนมองวันจันทร์ด้วยความเบื่อหน่าย มองวันทำงานเป็นวันลงนรก แต่พอวันศุกร์เริ่มสดชื่นขึ้นมา เพราะจะเจอวันเสาร์อาทิตย์ เท่ากับความสดชื่นมาวันสุดท้ายของสัปดาห์ ไม่ใช่เป็นวันที่เหนื่อยที่สุด เพราะเหนื่อยสะสมมาสี่วัน แต่ตรงกันข้าม ซังกะตายมาสี่วัน มาตื่นเต้นวันที่ห้า อย่างนี้เท่ากับเราทำลายเวลา เผาเวลาสี่ส่วนห้าของชีวิตทีเดียว
2.ข้าพเจ้าจะทักทายวันนี้ด้วยความรักจากหัวใจของฉัน( I will greet this day with love in my heart ) เช่นกันอีก ทุก ๆ เช้ากล่าวกับตนเอง พูดกับตนเอง ด้วยความรักสุดหัวใจ การคุยกับตนเองเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่ง ถ้าสำเร็จก็กล่าวชื่นชมตนเอง ถ้าล้มเหลว พลาด ผิดหวัง ก็กล่าวให้กำลังใจ ปลอบใจตนเอง คุยกับตนเองว่า ไม่เป็นไร เอาใหม่ ต่อไปจะ.......อย่างนี้เป็นต้น
3.ข้าพเจ้าจะยืนหยัดต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ( I will persist Until succeed )เราเคยได้ยินได้ฟังบ่อย ๆ ถ้าไม่ยอมล้มเลิก เราก็จะยังไม่แพ้ แต่ถ้าเราล้มเลิกเมื่อใด ก็จะพบกับความพ่ายแพ้ คาถานักขายบทนี้ แนะนำเราว่า เราจะไม่ยอมล้มเลิก เราจะยืนหยัดที่จะทำต่อไป จนกว่าเราจะประสบความสำเร็จ
4.ข้าพเจ้าคือสุดยอดความมหัศจรรย์ ( I am nature’s greatest miracle )เราไม่ต้องไปรอมหัศจรรย์นอกตัวเราเลย ชีวิตของเราแต่ละคนนั้นมีสิ่งมหัศจรรย์ในตัวอยู่แล้ว โดยที่เราไม่รู้ตัวหรือเราเคยชินกับมหัศจรรย์ในร่างกายของเรา ดังนั้นใช้ทรัพยากรในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นคุณประโยชน์กับชีวิต เช่นการใช้พละกำลังในการทำงานให้มากขึ้น เป็นประโยชน์สูงสุดกับตัวเรา แทนที่จะใช้พละกำลังในสิ่งที่เสียหายหรือเป็นโทษกับชีวิต เช่นนี้เป็นต้น
5.ข้าพเจ้าจะใช้ชีวิตวันนี้เหมือนเป็นวันสุดท้าย ( I will live this day as if it is my last )เรามักจะได้เห็นว่าเวลาของมหาเศรษฐีนั้นมีคุณค่าสำหรับเขาอย่างมาก มหาเศรษฐีแต่ละคนจะทำธุรกิจหลายประเภท ในขณะที่เสมียนหรือผู้ใช้แรงงานมักจะทำงานประเภทเดียว และก็จะอ้างว่า เราไม่มีเวลา งานรัดตัว ทั้ง ๆ ที่เวลาของมหาเศรษฐีหรือเวลาของคนแต่ละคนนั้นมีเท่ากัน ข้อคิดข้อนี้ก็คือ ทำวันนี้อย่างยอดเยี่ยม นั่นคือใช้เวลาทำงานแต่ละวันอย่างเต็มที่ อย่าทำงานแบบฆ่าเวลา หรือเผาเวลาให้หมดไปวัน ๆ หนึ่ง
6.ข้าพเจ้าจะเป็นนายของอารมณ์ในวันนี้ ( Today I will be master of my emotions )คนเราโดยธรรมชาติ บางวันดูสดชื่นแจ่มใส ร่าเริงเบิกบาน ทำอะไรก็ดูสนุกสนานไปหมด แต่ในบางวันดูจะน่าเบื่อหน่าย อารมณ์บ่จอย เซ็งระเบิด ดูหรือได้ยินอะไรขวางหูขวางตาไปหมด ธรรมชาติเป็นเช่นนั้น เพราะร่างกายมีเหนื่อยมีเมื่อยล้า แต่ถ้าเราเป็นทาสของอารมณ์ เราก็จะถูกอารมณ์พาไปในแต่ละวัน ตรงกันข้ามถ้าเราเป็นนายของอารมณ์ เราจะควบคุมตัวเราได้ คนที่ควบคุมอารมณ์ได้มองดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนน่าเกรงขาม เพราะไม่ว่าภายในจะเป็นอย่างไร แต่ภายนอกจะเหมือนกันทุกวัน ทำให้เป็นที่เคารพยำเกรง น่าเชื่อถือแก่บุคคลอื่น ขออนุญาตยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง “ ป๋าเปรม “ ประธานองคมนตรี และเป็นมหาบุรุษของประเทศ ไปไหนมาไหนเราจะเห็นรอยยิ้มตลอดเวลา ไม่เคยมีรอยเศร้า อารมณ์เสีย หรือดีใจหัวเราะลั่น ไม่ว่าจะมีอะไรท่านก็จะมีรอยยิ้มแบบเดียวบนใบหน้า อย่างนี้เป็นตัวอย่างของลักษณะบุคคลที่ควบคุมอารมณ์ได้ หรือเป็นนายของอารมณ์

7.ข้าพเจ้าจะหัวเราะให้ก้องโลก( I will laugh at the world )ความหมาย ไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็หัวเราะลั่นโลก อย่างนี้คนจะมองว่าเราบ้า ความหมายก็คล้ายกับเพลงเย้ยฟ้าท้าดิน คือไม่กลัวเกรงใด ๆ เราสามารถสร้างความสำเร็จได้ด้วยตัวเราเอง นักขายหลายคนเปลี่ยนงานใหม่ ออกจากวงการขาย คนหลายคนไม่ยอมมีอาชีพการขาย ถามเขา เขาตอบคล้าย ๆ กันว่า กลัวอดตาย กลัวล้มเหลว คนจึงมักแสวงหางานที่มีเงินเดือน เหมือนเป็นของตาย ทำอย่างไรสิ้นเดือนก็ได้เงินเดือน ขยันให้ตาย หรือหลบ ๆ อู้ ๆ สิ้นเดือนก็ได้เงินเดือน อย่างนี้ ไม่ได้ท้าทายตนเอง คนที่ท้าทายตนเอง จะต้องไม่วิตกกังวล และเชื่อมั่นว่า ผลของงานเกิดจากการกระทำของคนแต่ละคน แม้เป็นใหญ่เป็นโต แต่ไม่ได้เรื่องในการทำงานก็ตกอับได้ หากเราเชื่อในความสามารถ ทำงานอย่างท้าทาย ความสำเร็จย่อมเป็นของเรา
8.ข้าพเจ้าจะเพิ่มคุณค่าตนเองเป็นร้อยเท่า ( I will multiply my value a hundredfold )คนที่ไม่เห็นคุณค่าตัวเอง ไม่คิดว่าตนเองมีความสามารถ หรือไม่มีสิ่งมหัศจรรย์ในตัวเองเหมือนคนอื่นเขา คนพวกนี้ก็จะคอยแต่ดูถูกตนเอง ทำลายขวัญและกำลังใจของตนเอง แต่ถ้าคิดว่าคนอื่นก็คนเราก็คน เพิ่มคุณค่าในตัวเองให้ได้เป็นร้อย ๆ เท่า ความคิดเช่นนี้ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นสร้างขวัญกำลังใจให้ตนเอง นับว่าสำคัญกว่าใคร ๆจะให้ความเชื่อมั่น หรือจูงใจเรามากนัก ด้วยเหตุนี้การจูงใจตัวเราด้วยตัวเราเองสำคัญกว่า รอคนอื่นมาสร้างให้เรา ค้นหาความสามารถ หาจุดแข็งจุดเด่นและเสน่ห์ในตัวเราออกมา เช่นนี้ แม้ว่าคนอื่นจะมาทำให้เราเสียขวัญหรือมาดูถูกเรา ก็ย่อมไม่ประสบความสำเร็จ
9.ข้าพเจ้าจะลงมือทำเดี๋ยวนี้ ( I will act now, I will act now, I will Act now )อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง บางคนมักจะบอกว่า รอก่อนได้ไหม ตอนนี้กำลังเลี้ยงลูกเล็ก ๆ อยู่ บางคนบอกว่า หน้าหนาวไม่น่าทำงานรอหน้าร้อนได้ไหม พอหน้าร้อนบอกว่า อากาศมันร้อน ไม่น่าออกตลาด รอหน้าฝนได้ไหม พอหน้าฝนก็บอกว่าออกตลาดไม่ได้มันเปียกแฉะ เดี๋ยวไม่สบาย รอหน้าหนาว ถ้ามีข้อแก้ตัว ก็แก้ตัวได้ตลอด แต่ถ้าเราบอกกับเราว่า งานนี้ดี เราจะลงมือทำเดี๋ยวนี้ ทุกอย่างก็จบ แล้วเราก็จะเห็นคุณค่าของเวลาว่ามีประโยชน์กับชีวิตแค่ไหน
10.ข้าพเจ้าจะสวดมนต์ภาวนาเพื่อชี้นำชีวิต ( I will pray for Guidance ) อ็อก จบลงด้วยการนึกถึงพระเจ้าของเขา สิ่งมหัศจรรย์ในตัวเรามี แต่สิ่งมหัศจรรย์นอกตัวเรา เป็นที่เชื่อถือกันมายาวนานนั้น เราเก็ศรัทธาว่า มีจริง ผมเคยพูดกับคนที่ชอบเช่าพระและมาเก็บไว้เฉย ๆ ว่า พระมีให้เราสวดมนต์ภาวนาขอพร ไม่ใช่แขวนเท่ห์ ๆ หรือเก็บไว้เฉย ๆ และที่สำคัญอีกอย่าง ถ้าเรามุ่งมั่นได้พยายามฟันฝ่าอุปสรรคทำงานแล้ว พราะจะช่วยผู้ที่ช่วยตนเองและผู้นั้นเป็นคนดี เช้าก่อนไปทำงาน ยอมเสียเวลานิดหนึ่ง เข้าห้องพระสวดมนต์ขอพร ก่อนนอนขอเวลานิดหนึ่งเข้าห้องพระสวดมนต์ขอขอบพระคุณ ทำอย่างนี้เป็นประจำ เราจะได้สิ่งมหัศจรรย์นอกตัวเราเพิ่มขึ้น
เสียดายที่หนังสือของอ็อก ฯ ไม่ได้มีแปลทั้งเล่มเป็นภาษาไทย ผมก็ได้รับการถ่ายทอดอีกทีจากอาจารย์ไพบูลย์ สำราญภูติ เกจิอาจารย์ด้านการตลาดและการขาย เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ หากท่านผู้อ่านนำไปปฏิบัติ จึงนำมาเล่าขยายความต่อสู่กัน.
Comments