“ธัญญะรัตน์ รัตนไกรคณากร” เชี่ยวชาญรู้ลึกรู้จริงมีจิตวิญญาณครู
- Executive vision
- 9 มิ.ย. 2558
- ยาว 1 นาที

ในแวดวงของการกวดวิชาแล้วน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักสถาบัน KEAES Language & Tutorial Centre (คีเอสภาษาและกวดวิชา) โดยเฉพาะ ธัญญะรัตน์ รัตนไกรคณากร ผู้ซึ่งมีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาโดยมุ่งเน้นการสอนภาษาและกวดวิชาสำหรับนักเรียนโรงเรียนไทยและนานาชาติ
ความจริงที่มีต่อส่วนรวม “อาจารย์ธัญญะรัตน์ รัตนไกรคณากร” เน้นคุณภาพของผู้สอนเป็นอย่างมากอาจารย์ผู้สอนจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญรู้ลึกรู้จริงและมีจิตวิญญาณของความเป็นครูอย่างแท้จริงจนได้รับความไว้วางใจจากนักเรียนและผู้ปกครองเกือบสองทศวรรษ
ธัญญะรัตน์ รัตนไกรคณากร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบันคีเอสภาษาและกวดวิชาสาขารามคำแหงและสาขาเอกมัย โดยดูแลรับผิดชอบทางด้านภาพลักษณ์คุณภาพและผลการดำเนินงานและพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับระบบการศึกษาโดยก่อนเริ่มเข้าสู่วงการธุรกิจเคยเป็นอาจารย์พิเศษวิชาภาษาอังกฤษโรงเรียนสวนกุหลาบและได้ย้ายสายงานไปเป็นเลขานุการกรรมการผู้จัดการเครือโรงเรียนอิมพิเรียลการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นทำให้รู้ว่าความถนัดของตนเองที่แท้จริงคือการให้ความรู้และเห็นนักเรียนรุ่นสู่รุ่นประสบความสำเร็จด้านการศึกษาโดยเฉพาะหุ้นส่วนสัญชาติอเมริกันที่มีประสบการณ์และวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาจึงเริ่มต้นสถาบัน KEAES Language & Tutorial Centre (คีเอสภาษาและกวดวิชา) ในปี2539 ในย่านรามคำแหงซึ่งมุ่งเน้นการสอนภาษาและกวดวิชาสำหรับนักเรียนโรงเรียนไทยและนานาชาติเช่นSAT, IGCSE, GED, IELTS, TOEFL, IB, AP, GMAT และ GRE เป็นต้นในช่วงเวลานั้นโรงเรียนนานาชาติอาจยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่มากซึ่งทำให้สถาบันคีเอสเลยมุ่งเน้นนิชมาร์เก็ต (Niche Market) อย่างแท้จริงหลังจากนั้นสถาบันกวดวิชาสำหรับโรงเรียนสองภาษา/นานาชาติแบบคีเอสจึงได้ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการความต้องการที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้สถาบันคีเอสที่มีความเคยชินกับNiche Market (ตลาดเฉพาะกลุ่ม)ต้องปรับตัวครั้งใหญ่จึงได้เปลี่ยนแผนผังการทำงานทั้งหมดโดยนำหลักสูตรจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความเป็น International Tutorial Centre ที่มีคุณภาพได้อย่างแท้จริงจากประสบการณ์กว่า20 ปีในสายธุรกิจด้านการศึกษาได้นำสถาบันคีเอสสาขาที่สองเข้าสู่ใจกลางเมืองย่านทองหล่อ/เอกมัยเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นและยังมีนโยบายเตรียมแผนการที่จะขยายสาขาต่อไปทุกมุมเมืองเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อAECมาเยือนประเทศไทย

ธัญญะรัตน์ รัตนไกรคณากร กล่าวว่า “คุณพ่อสอนเสมอว่าให้ลูกทุกคนรักในสิ่งที่ทำเรียนในสิ่งที่ชอบซื่อสัตย์และรักษาคำพูด คือพูดอะไรไว้แล้วต้องทำ สำเร็จหรือไม่ๆสำคัญที่สำคัญคือขอให้ลองทำและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคยกตัวอย่างเช่นตนเองเป็นคนรักงานด้านการศึกษาก็เลยคิดเริ่มต้นเปิดโรงเรียนคีเอสเมื่อเกือบ20 ปีก่อนหลายคนบอกในตอนนั้นว่าข้อเสียของการทำสถาบันเช่นนี้มีเยอะแต่ตนเองมองว่ามันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งเราเคยพูดกับคุณพ่อไปว่าอยากเปิดโรงเรียนก็เลยลองทำตามที่พูดการทำในสิ่งที่รักมันทำให้เรามีความสุขอาจมีอุปสรรคบ้างแต่เราก็แก้ปัญหาได้เพราะทุกอย่างเริ่มต้นมาจากใจที่รักและคำๆนึงของคุณพ่อที่เป็นเหมือนคติเตือนใจดิฉันบทเส้นทางธุรกิจคือเราอาจจะคิดว่าทุกคนเท่าเทียมกันแต่ความจริงแล้วต้นทุนทางโอกาสของคนเรานั้นต่างกันคำพูดนี้ทำให้ดิฉันตระหนักไว้ว่าวันนี้มีโอกาสที่ดีบนเส้นทางธุรกิจการศึกษาซึ่งเราและทีมงานทุกคนยังคงต้องจะพัฒนาสถาบันที่มีคุณภาพต่อไปและต้องขอขอบคุณผู้ปกครองและนักเรียนทุกท่านที่ไว้วางใจสถาบันคีเอสตลอดมา”

“การจะผลักดันให้องค์กรและพนักงานเป็นไปตามทิศทางและเป้าหมายของสถาบันคีเอสคือการทำให้นักเรียนประสบความสำเร็จทางการศึกษาตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ฉะนั้นในการผลักดันองค์กรเจ้าหน้าที่และคณะอาจารย์ทุกท่านต้องเข้าใจเป้าหมายที่แท้จริงของสถาบันเป็นลำดับแรกการทำงานต้องเป็นขั้นตอนคือเจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษาและวางแผนการศึกษาผู้เรียนได้อย่างถูกต้องตามความต้องการของผู้เรียนอาจารย์ทุกคนต้องหาจุดเด่นและจุดอ่อนของผู้เรียนพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำมาพัฒนาผู้เรียนได้อย่างถูกหลักและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องติดตามผลการเรียนของผู้เรียนอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าการที่ทุกคนในองค์กรเข้าใจถึงนี้จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดและพร้อมสำหรับวันที่สถาบันคีเอสก้าวไปข้างหน้าและขยายตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางที่ดิฉันและทีมงานได้วางไว้”
ธัญญะรัตน์ รัตนไกรคณากร กล่าวเพิ่มเติมว่า“จริงอยู่ว่าถ้าเราอ่านตำราเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจจุดมุ่งหมายหลักของทุกธุรกิจนั้นคือการสร้างผลกำไรแต่นั้นไม่สามารถนำมาใช้ได้กับธุรกิจการศึกษาที่มีผลลัพธ์คืออนาคตของชาติได้สักทีเดียวดิฉันเชื่อว่าคนเราจะทำอะไรซักอย่างอย่ามองว่าเราจะได้เงินมหาศาลหรือรวยจากสิ่งนั้นได้หรือไม่แต่เราควรเริ่มทำในสิ่งที่เรารักและรู้จักดีที่สุด Expertise และ Know-How คือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจตั้งอยู่ได้ด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพถึงวันนี้ดิฉันจะอยู่บนเส้นทางการศึกษามายาวนานแต่ดิฉันยังคงต้องเรียนรู้และค้นหาสิ่งใหม่ๆอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบการศึกษาที่ทันปัจจุบันให้แก่นักเรียนทั้งนี้ได้เน้นเรื่องคุณภาพของครูผู้สอนเป็นอย่างมากเพราะอาจารย์เปรียบเสมือนเส้นเลือดหลักที่จะนำความรู้ไปสู่กลุ่มผู้เรียนโดยอาจารย์ทุกคนต้องผ่านการทดสอบในการสอนก่อนเข้าสอนจริงหลายๆคนอาจคิดว่าตนเองมีความรู้พอสอนได้ได้แต่คำว่า “พอ” นั้นไม่เพียงพอสำหรับผู้สอนที่ดีและถือว่าเป็นการ “Take” หรือเอาเปรียบผู้เรียนอาจารย์ผู้สอนจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญรู้ลึกรู้จริงและมีจิตวิญญาณของความเป็นครูหลักการในการดำเนินธุรกิจของดิฉันมีเพียงคำเดียวคือ “Give” เพราะการให้ที่แท้จริงและจริงใจจะนำมาซึ่งการได้รับวันนี้ทางสถาบันได้มอบการศึกษาให้นักเรียนด้วยความตั้งใจและสิ่งที่ได้กลับมาคือความไว้ใจจากนักเรียนมากมายเกือบสองทศวรรษแล้ว”

ความผันผวนของเศรษฐกิจและธุรกิจทำให้ต้องมีกลยุทธ์และแนวทางการบริหารให้สถาบันคีเอสภาษาและกวดวิชาให้อยู่รอดและเติบโตได้นั้นธัญญะรัตน์รัตนไกรคณากรกล่าวว่า“เชื่อว่าในฐานะธุรกิจเราต้องเป็นคนที่ใจกว้างมากพอใจกว้างในที่นี้หมายถึงการเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงแต่ยังคงยึดถือหลักการธุรกิจของตนเองเป็นสำคัญยกตัวอย่างเช่นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการตลาด Niche (ตลาดเฉพาะกลุ่ม) เข้าสู่ Mass (ตลาดมวลชน)เพราะตลาดต้องการหาความสมดุลของอุปสงค์และอุปาทานทำให้เกิดการแข่งขันอย่างดุเดือดและแน่นอนสงครามที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ Price War หรือสงครามราคานั่นเองการปรับตัวของราคาเพื่อการแข่งขันอาจเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ในสถานการณ์เช่นนั้นก็จริงแต่สิ่งที่ให้ความสำคัญมากกว่าการเปลี่ยนแปลงราคาเพื่อการอยู่รอดของธุรกิจคือการยืนหยัดกับหลักการในการดำเนินธุรกิจซึ่งก็คือการรักษาและพัฒนาคุณภาพของสถาบันถึงแม้การรักษาและพัฒนาคุณภาพอาจกระทบด้านผลกำไรเนื่องจากราคาของตลาดปรับตัวลงแต่ก็ยังคงยึดถือหลักการนี้เพื่อผ่านวิกฤตเช่นนี้มาหลายครั้งตามวัฏจักรธุรกิจในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเพราะถ้าสถาบันสั่นคลอนทางคุณภาพเราก็ไม่สามารถเป็นผู้ให้ที่จริงใจได้อย่างที่ตั้งใจไว้ก็เหมือนที่เราเคยได้ยินทั่วกันว่า “You cannot be a BIG person with a SMALL heart” นั่นคือการที่เรามีใจที่กว้างพอที่จะยอมรับกำไรที่หดตัวลงแต่คงไว้เพื่อคุณภาพที่จะทำให้เราเติบโตต่อไปยังยั่งยืนและอีกสิ่งหนึ่งขาดไม่ได้ในวันที่เผชิญกับความผันผวนต่างๆ คือบุคลากรทุกท่านที่ยืนหยัดทำหน้าที่ของตนดีที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ธุรกิจด้านการศึกษาในประเทศไทยต้องคอยจับตามองเมื่อสถาบันการศึกษาต่างชาติมีโอกาสเข้ามาลงทุนในการเปิดเสรีทางการค้าอย่าง AEC คือความแข็งแกร่งของระบบการศึกษาของชาตินั้นๆอย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ที่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้เรียนในสถาบันของไทยดิฉันขอยกคำว่า Expertise และ Know-How กลับมาใช้อีกครั้งในการรับมือในครั้งนี้ด้วยความเป็นคนไทยด้วยกันดิฉันเชื่อว่าความเข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในประเทศอย่างแท้จริงจะทำให้สถาบันคีเอสสามารถสร้างจุดเด่นทางธุรกิจและนำหน้าสถาบันต่างชาติได้ทั้งนี้การเรียนรู้ประเทศเพื่อนบ้านสามารถทำให้เราสร้างข้อเปรียบเทียบเพื่อนำมาพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ว่ากันว่า “รู้เขาแต่อย่าให้เค้ารู้เรา”

“ความก้าวหน้าของการศึกษาไทยคือสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในขณะนี้การทุ่มเทเวลาในการกวดวิชาของนักเรียนในยุคนี้อาจพัฒนาIQ (ความฉลาดทางสติปัญญา) ได้จริงแต่อาจหยุดการพัฒนาด้านEQ (ความฉลาดทางอารมณ์)อย่างไม่ทันรู้ตัวฉะนั้นทางสถาบันจึงได้นำหลักสูตรต่างๆจากในประเทศหรือต่างประเทศก็ดีซึ่งสามารถพัฒนาเด็กๆให้คิดเชิงสร้างสรรค์มากกว่าการจดจำคิดอย่างมีระบบมีเหตุผลฟังมากสังเกตมากอ่านมากวิเคราะห์มากและพิสูจน์ได้ในสิ่งที่เห็นและได้ยินและขณะนี้ทางสถาบันร่วมกับองค์กรจากต่างประเทศกำลังร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการเรียนเพื่อเปิดโลกแห่งการเรียนรู้แนวใหม่ให้แก่นักเรียนด้วย” ธัญญะรัตน์ รัตนไกรคณากรกล่าวสรุป



Comentarios