มันยอดมากเลย ผู้หญิงที่เปลี่ยนเงิน “5000 ดอลลาร์” เป็นธุรกิจพันล้าน!
- advancedbizmagazine
- 26 พ.ค. 2558
- ยาว 1 นาที
ในปี 2012 ผู้ก่อตั้ง Spanx ซึ่งก็คือ Sarah Blakely กลายเป็นเศรษฐีนีที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองที่อายุน้อยที่สุด ด้วยวัย 41 ปี และจากการประเมินของ Forbes ตอนนี้มูลค่าทรัพย์สินของเธออยู่ที่ 1.01 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 33,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยใช้ชีวิตอู้ฟู่ หวือหวาเหมือนคนอื่นๆ เธอก็ถือว่าใช้ชีวิตคุ้มกับความสำเร็จของเธอแล้วล่ะ

เธอเกิดเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 1971 ที่เมืองริมชายหาด Clearwater, Florida โดยเธอมีแววเป็นผู้ประกอบการมาตั้งแต่เด็ก เพราะในวันฮาโลวีน เธอสร้างบ้านผีสิงขึ้นมา และเก็บค่าเข้าจากเพื่อนบ้านของเธอ
Facebook/ Spanx
หลังจากเรียนจบที่มหาวิทยาลัยรัฐที่ Florida เธอหางานทำไม่ได้ และต้องจบลงที่การทำงานที่ Disney World ตอนนั้นเธอคิดอยากไปเรียนกฎหมาย แต่เธอสอบ LSAT ไม่ผ่าน ทำให้เธอต้องมาทำงานขายเครื่อง fax

แต่งานนั้นก็ไม่ได้แย่นะ เพราะมันทำให้เธอประดิษฐ์ Spanx ขึ้นมา เพราะมีอยู่คืนหนึ่ง ที่เธอหากางเกงซับในไม่เจอ เธอเลยตัดสินใจประดิษฐ์ของเธอเอง หลังจากนั้น เธอจึงตัดสินใจใช้เงินเก็บของเธอแค่ 5000 ดอลลาร์ หรือ 150,000 บาทในการเริ่มธุรกิจชุดซับใน กางเกงซับในนี้ โดยมีออฟฟิศคืออพาร์ทเม้นต์ของเธอเองที่แอตแลนตา
ในตอนแรกที่เธอสู้เพื่อที่จะเอาเข้าห้างนั้น เธอกลัวจะโดนเอาสินค้าเธอลง เพราะคนซื้อน้อยเกินไปในช่วงแรก เธอจึงโทรหาทุกคนที่เธอรู้จัก เพื่อที่จะให้เขาไปซื้อ แล้วค่อยออกเช็คคืนเงินให้
เธอยังคงทำงานของเธอไป 2 ปี และทำ Spanx ส่งเข้าร้านค้าเป็นงานเสริม จนวันหนึ่งเธอตัดสินใจลาออก เมื่อคนดังอย่าง Oprah บอกว่า Spanx คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์โปรดของเธอ เมื่อปี 2000
ความดังของ Blakely เริ่มมีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ไปออกรายการของ Richard Brandson ชื่อรายการว่า The Rebel Billionair เมื่อปี 2004 และทั้งคู่ยังคงเป็นเพื่อนกันจนถึงทุกวันนี้ มีการปรึกษาแลกเปลี่ยนความเห็นทางธุรกิจกันตลอด
ทุกวันนี้ Blakely ยังคงเป็นเจ้าของ Spanx แต่เพียงผู้เดียว ไม่เคยมีโฆษณา ไม่เคยรับเงินทุนจากภายนอก
สิ่งที่เธอเชื่อคือ การเอาชนะความกลัว การเผชิญหน้ากับความกลัว เธอเคยกลัวการขึ้นเครื่องบิน แต่ตอนนี้เธอบินเป็นว่าเล่น เพื่อไปพูด กล่าวปราศรัยตามที่ต่างๆ

ในปี 2008 เธอแต่งงานกับ Jesse Itzler ผู้ก่อตั้งของ Marquis Jet ใน Boca Grande, Florida ซึ่งในงานของเธอนั้นมีการแสดงของ Olivia Newton John แถม Matt Damon และภรรยาของเขา Luciana ยังมาร่วมงานอีกด้วย
ก่อนแต่งงาน เธอกังวลมาก เพราะเธอต้องการบอกความจริงกับสามีของเธอว่าเธอรวยแค่ไหน เพราะสามีของเธอเข้าใจมาตลอดว่า Spanx ทำเงินได้หลายล้านดอลลาร์ต่อปี แต่จริงๆ แล้วมันคือหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปีต่างหากล่ะ
ทุกวันนี้ ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ไม่ค่อยเหมือนคู่อื่นๆ นัก มีอยู่วันหนึ่ง สามีของเธอ Itzler พึ่งรู้บนโต๊ะอาหารกับเพื่อนๆ ว่า Blakely ประกาศขายบ้านของพวกเขาที่ La Jolla, California และลืมบอกเขา ซึ่งเขาก็บอกว่า แต่เขาไว้ใจให้เธอทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการอยู่แล้ว
ธุรกิจของสามีอยู่ที่นิวยอร์ก ส่วนของภรรยาอยู่ที่แอตแลนตา ทำให้ทั้งคู่มีชีวิตที่ค่อนข้างยุ่ง และซับซ้อน แต่การที่พวกเขามีผู้ช่วยเยอะมาก และคนขับรถ พี่เลี้ยงเด็ก พ่อครัว ทำให้ชีวิตพวกเขาง่ายขึ้น กับการทำงานและเลี้ยงลูกชาย Lazer วัย 6 ขวบไปด้วย
แต่ทั้งหมดทั้งมวล เธอก็ไม่ได้ทำตัวเว่ออะไรเลย เธอยังคงขับรถตู้คันสีขาวนี้ ไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียน และไปเจอเพื่อนๆ หลังเลิกงาน ซึ่งลูกจ้างของเธอก็แซวเธออยู่บ่อยๆ
เธอไม่ค่อยทำตัวเว่อก็จริง แต่เธอใช้เงินที่เธอหามายากเย็น ซื้อความสุขให้ตัวเอง ด้วยการซื้อบ้านราคา 8.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 290 ล้านบาท ริมชายหาดที่ Clearwater, Florida ซึ่งเป็นที่ที่เธอโตขึ้นมา
เธอและสามีซื้ออพาร์ทเม้นท์ในราคา 400 ล้านบาท ในปี 2008 ที่ Central Park West แต่ขายไปในราคา 990 ล้านบาทในปี 2014 เพราะเธอกลัวความสูง และการอยู่อาศัยที่ชั้น 37 มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ ซึ่งในตอนนั้น เธอถึงขั้นจ้าง Navy SEAL มาออกแบบทางหนีฉุกเฉินจากตึกให้เธอเลยทีเดียว

ไม่ว่าอย่างไร แอตแลนตาก็คือบ้านหลักของเธอ บ้านขนาด 10,000 ตารางฟุตของเธอเป็นบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างครบครันสำหรับเธอ สามี และลูก
เธอยังเชื่อในการให้คืนแก่สังคม แต่มีโปรแกรม Leg Up ที่ช่วยผู้หญิงที่อยากเป็นผู้ประกอบการ ให้เข้ามาปรึกษาตัวต่อตัวกับเธอ และยังสามารถลงโฆษณาใน Spanx Catalog ฟรีอีกด้วย
เธอยังก่อตั้ง Sara Blakely Foundation ในปี 2006 เพื่อสนับสนุนผู้หญิง และในปี 2013 เธอลงนามใน The Giving Pledge ร่วมกับ Warren Buffet และ Bill Gates เป็นการให้คำมั่นว่า จะบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดของเธออย่างน้อยกึ่งหนึ่ง ให้การกุศล
“ฉันรู้สึกว่าเงินทำให้ตัวตนของคุณเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ความหมายก็คือ หากคุณเป็นคนไม่ดี เงินจะทำให้คุณเป็นคนไม่ดีมากขึ้น หากคุณเป็นคนดี เงินจะทำให้คุณเป็นคนดีมากขึ้น การหาเงินเป็นเรื่องสนุก แต่การให้เงิน บริจาคเงินก็เป็นเรื่องสนุกเช่นกัน” เธอกล่าวเมื่อปี 2012 กับ Forbes หลังขึ้นแท่นเศรษฐีนีของฟอร์บส์ สำเร็จ
Credit: kiitdoo, Business Insider
Comments