ยิ้มให้กับเคราะห์กรรม : เลือกทำชีวิตให้มีสุข
- Advanced VARIETY Credit by ครูสมศรี ธรรมสารโสภณ
- 11 พ.ค. 2558
- ยาว 1 นาที

มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ Jerry เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีตลอดเวลา จนเพื่อนสงสัยว่าเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร บางครั้งเมื่อชีวิตต้องประสบเคราะห์กรรม คุณก็ต้องเป็นผู้เลือกเองว่า คุณอยากจะเป็นผู้รับเคราะห์นั้นหรือจะเป็นผู้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประโยชน์จากสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น บางครั้ง คุณอาจได้รับคำตำหนิ ด่าว่า วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง คุณก็ต้องเป็นผู้เลือกเองว่า คุณจะฝืนรับคำตำหนิเหล่านั้นอย่างทุกข์ทน หรือคุณจะลุกขึ้นมามองหาและปรับปรุงสิ่งที่ถูกตำหนิด่าทอ “แต่สำหรับผม ผมขอเลือกที่จะรังสรรค์ชีวิตและยิ้มสู้กับมันครับ” เพราะสุดท้ายแล้ว...เรานั่นแหละคือผู้ที่จะต้องเลือกเองว่า เราจะใช้ชีวิตอย่างไร “It’s your choice how you live life”
Jerry ยังเล่าให้ฟังต่อถึงตอนที่เขาถูกโจรยิงบาดเจ็บสาหัสเพื่อปล้นทรัพย์ ระหว่างทางที่หน่วยกู้ภัยนำเขาส่งโรงพยาบาล Jerry รู้สึกอบอุ่นใจ แม้เขาจะไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังจะสิ้นชีวิตเพราลมหายใจกำลังรวยริน แต่เขาได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกันว่า “ไม่เป็นไร เราจะช่วยกัน เขาจะต้องรอด เขาจะต้องไม่เป็นอะไร” หน่วยกู้ภัยกุมมือ Jerry แล้วพูดว่า “คุณจะต้องปลอดภัย” ผมขอบคุณที่เขาเลือกให้กำลังใจ มากกว่าบั่นทอนจิตใจที่กำลังหมดหวังอย่างผม แต่ทว่าพอถึงห้องฉุกเฉิน ใจผมถูกกระชากลงมาอีกครั้ง เมื่อผมได้ยินหมอพูดกับพยาบาลว่า “ผู้บาดเจ็บคนนี้ท่าจะไม่รอด โดนมาหนักขนาดนี้คงช่วยอะไรไม่ค่อยได้มาก” ระหว่างนั้น Jerry คิดว่า เขาต้องเลือกว่า จะอยู่หรือจะตาย “ผมเลือกที่จะอยู่” นั่นคือความมุ่งมั่นของ Jerry ขณะนั้นพยาบาลพยายามเขย่าตัวเขาเพื่อถามว่า “คุณ...คุณ...พอจะจำได้ไหม ว่าคุณแพ้อะไร” ขณะที่ทุกคนเคร่งเครียด Jerry พยายามกลั้นใจและตะโกนออกมาว่า “ผมแพ้ลูกปืน!!!” ท่ามกลางความเคร่งเครียดเช่นนั้น ทุกคนถึงกลับหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน Jerry สามารถเปลี่ยนบรรยากาศของความหดหู่สิ้นหวังให้กลายเป็นความหวังที่ระคนไปด้วยความสุขสำหรับทุกคน “คุณหมอและคุณพยาบาลครับ กรุณารักษาผมเหมือนกับว่า ผมคือคนที่แข็งแรง คล่องแคล่ว มีชีวิตชีวาที่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ แค่นั้น กรุณาอย่ามองว่าผมคือคนไข้ที่ไร้ทางรอดเลยนะครับ” ในภาวะที่เราต้องเลือก ทำไมเราไม่เลือกสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขและมีความหวังที่จะรังสรรค์สิ่งงดงามต่อไปล่ะคะ ขอบคุณข้อมูลจาก HealthToday : ครูสมศรี ธรรมสารโสภณ
Comments