แครอท......ไข่......กาแฟ

เย็นวันหนึ่ง ลูกสาวกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน นั่งหน้าโต๊ะห้องรับแขก ต่อหน้าพ่อ เธอพร่ำบ่นถึงความยากลำบากในการทำงาน ชีวิตอันแสนลำเค็ญ เธอกำลังอึดอัดกับงาน และไม่อยากจะทำงานของเธอต่อไปอีกแล้ว และจะตัดสินใจยอมแพ้ เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการแข่งขันในที่ทำงาน ทำให้พบกับปัญหา เมื่อเธอสะสางกับปัญหาหนึ่งได้แล้ว อีกปัญหาหนึ่งก็ก้าวเข้ามา โดยไม่ได้รับเชิญ จนแล้วจนเล่า ไม่มีวันสงบนิ่ง เธอมองว่าชีวิตที่ทำงานเป็นชีวิตที่ทรมานเธอทั้งทางร่างกายและจิตใจ

ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นพ่อครัวฟังเสร็จ ก็ชวนเธอเข้าไปในห้องครัว จัดแจงต้มน้ำในหม้อสามใบด้วยไฟแรงจนน้ำเดือด พ่อใส่แครอทลงในหม้อใบแรก วางไข่ลงไปในหม้อใบที่สอง และตักกาแฟลงไปในหม้อใบสุดท้าย แล้วปล่อยให้มันต้มไปเรื่อยๆ โดยไม่กล่าวอะไรเลย

ลูกสาวเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเริ่มหมดความอดทน ทั้งยังสงสัยว่าพ่อกำลังทำอะไร ไม่เห็นพ่อพูดคุยหรือแนะนำอะไร

ยี่สิบนาทีผ่านไป พ่อก็ปิดเตาแก๊ส ตักแครอทขึ้นมาวางใส่จาน นำไข่วางลงในชามอีกใบหนึ่ง และตักกาแฟใส่ถ้วย แล้วหันไปถามลูกสาวว่า

“ลูกเห็นอะไรบ้าง”

“แครอท ไข่ กาแฟ“ เธอตอบ “ถามทำไม” เธอเริ่มมีอารมณ์เพราะพ่อไม่สนใจปัญหาของเธอเลย พ่อจึงขอร้องให้เธอสัมผัสแครอท เธอจึงรู้ว่ามันนิ่ม

แล้วเขาก็ให้ลูกสาวตอกไข่ เมื่อเธอแกะเปือกไข่ออก ก็พบว่าไข่ถูกต้มจนสุก

สุดท้ายพ่อได้ให้ลูกสาวลองจิบกาแฟ ดูเธอเริ่มมีอารมณ์ดี ยิ้มออกและจิบกาแฟอันหอมกรุ่น เธอค่อยๆ ถามคุณพ่อว่า “นี่หมายความว่าอย่างไรเหรอคะคุณพ่อ”

พ่ออธิบายว่า “พ่อได้กระทำต่อสิ่งสามสิ่งนี้ด้วยเงื่อนไขเดียวกัน นั่นคือน้ำที่กำลังเดือด แต่ผลลัพธ์แตกต่างกัน คือ จากเดิมแครอทที่ดูแข็งๆ พอผ่านการต้มแล้ว มันกลับนิ่มและอ่อนปวกเปียก ส่วนไข่ที่ดูบอบบาง มีเพียงเปลือกบางๆ ที่คอยห่อหุ้มของเหลวภายใน แต่น้ำเดือดทำให้ของเหลวนั้นกลับแข็งขึ้น ขณะที่กาแฟกลับมีลักษณะเฉพาะตัวตลอดกาล เมื่อโดนน้ำเดือด น้ำตาลต่างหากที่แปลเปลี่ยนไป เป็นน้ำกาแฟกลิ่นหอมชวนดื่ม แล้วลูกล่ะเป็นอะไร" พ่อถามลูกสาวเมื่อคราวทุกข์มาเยือน ลูกจะเตรียมรับมืออย่างไร จะเป็นแครอท ไข่ หรือกาแฟ..........

ท่านผู้อ่านล่ะ เมื่อพบอุปสรรคหรือปัญหา ท่านเลือกที่จะเป็นอะไร

ถ้าเป็นแครอท ซึ่งดูแข็งโป๊ก แต่เมื่อเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากต่าง นานา ก็จะอ่อนแอลง และสูญเสียพละกำลังเรี่ยวแรงลงไป คนที่เลือกเป็นแครอท เป็นคนประเภทไม่สู้ คนอ่อนแอ ปล่อยชีวิตตามกรรม เมื่อเจออุปสรรคหรือปัญหา หรือความลำบาก ก็ยอมแพ้ ท้อถอย จึงจะหาความสุขหรือความก้าวหน้าในชีวิตไม่ได้

หรือจะเป็นไข่ ซึ่งดูสามารถปรับสภาพได้ เมื่อเจอกับปัญหาในชีวิต การชิงดีชิงเด่นในธุรกิจการงาน การเอาเปรียบตามธรรมชาติของมนุษย์ การนินทาว่าร้ายโจมตีให้เสียหาย หรือปัญหาความแตกแยกในครอบครัวระหว่างสามีและภรรยา หรือการต้องตกงานถูกเลย์ออฟพนักงาน ปัญหาได้ทำให้ท่านแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ แม้เปลือกภายนอกจะดูเปราะบางเหมือนเดิม แต่หัวใจและจิตวิญญาณ สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้เอาชนะปัญหาอุปสรรคในชีวิตนี้ต่อไป

คนประเภทนี้ อ่อนนอกแข็งใน ปรับสภาพชีวิตให้รอดพ้นจากปัญหาอุปสรรคได้ แต่ไม่ใช่คนประเภทหน้าไหว้หลังหลอกนะ จึงไม่ต้องห่วงหากพบกับปัญหาหรืออุปสรรค และความยากลำบาก

หรือจะเป็นดังเช่นเมล็ดกาแฟ เมื่อเจอน้ำร้อนเดือด อุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส ยิ่งน้ำร้อนมากขึ้นๆ กาแฟกลับมีรสชาติดีขึ้น และมีกลิ่นหอมชวนดื่มยิ่งนัก ชีวิตคนเราต้องพบปัญหาอุปสรรค และเมื่อผ่านปัญหาอุปสรรคหนึ่ง ปัญหาใหม่อุปสรรคใหม่ก็จะตามมา เป็นเหมือนคลื่นในทะเล การแก้ปัญหาที่ดี ไม่ใช้หลักความรุนแรง ไม่ทะเลาะ ให้อภัยตนเองและผู้อื่น มีจิตใจเมตตากรุณาและเสียสละเพื่อส่วนรวม ความสุขเกิดจากการเดินไปหาความทุกข์แล้วกำจัด กำจัดความทุกข์ได้ความสุขก็เกิด อุปสรรคของความสุขก็คือแรงปรารถนาและตัณหา คนเรามีความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เรามีเท่าไร แต่ขึ้นอยู่ว่าเราพอเมื่อไร ดังนั้นต้องฝึก “หยุดให้เป็น พอให้ได้” ปล่อยวางให้ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบ ผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ทุกคนต้องได้พบไม่เร็วก็ช้า

ทำชีวิตให้สดใสด้วยการยิ้มให้ตนเอง ทำคนอื่นให้สดใสด้วยการยิ้มให้เขา ยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะความสุขอยู่ใกล้เราแค่นี้เอง อยู่แค่ที่ใจของเราเอง

การให้อภัย ไม่ต้องลงทุนอะไร แต่การแก้แค้นนั้นต้องลงทุนมาก

การบ่นแล้ว หมดปัญหาก็น่าบ่น แต่บ่นแล้วกลับมีปัญหามากขึ้น ไม่รู้จะบ่นไปทำไม เรายังเคยเข้าใจผู้อื่นผิดๆ แล้วคนอื่นจะเข้าใจเราผิดบ้าง ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร ทำไมต้องโศกเศร้าเสียใจ เมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเข้าใจ

อย่าโกรธฟุ่มเฟือย อย่าโกรธจุกจิก อย่าโกรธไม่เป็นเวลา โกรธมากๆ จะเสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต เราฝึกไม่โกรธไม่ได้ แต่ฝึกโกรธแล้วหายเร็ว และโกรธแล้วให้อภัยได้

การโทษคนอื่นแก้ไขไม่ได้ แต่โทษตนเองแก้ไขได้ การแก้ตัวไม่ได้ช่วยอะไร แต่การแก้ไขช่วยได้ดีขึ้น

รู้จักทำใจให้รักเพื่อนร่วมงาน รักผู้บังคับบัญชา รักผู้ใต้บังคับบัญชา สวรรค์ก็อยู่ที่ทำงาน ถ้าเกลียดเกิดขึ้น นรกก็อยู่ที่ทำงานนั่นเอง

เราอ่อนน้อม อ่อนหวาน อ่อนโยน นั้นดี แต่อ่อนแอ อ่อนไหว นั้นไม่ดี

ถ้าคิดจะทำดี ตัดสินใจทำทันที แต่ถ้าคิดจะทำชั่ว ให้รอหน่อย คิดหลายๆ รอบ หรือเลิกคิดไปเลยจะดีที่สุด

โลกล้วนอนิจจัง เมื่อก่อนยังไม่มีเรา เพิ่งมีเราเมื่อไม่นานมานี้เอง และอีกไม่นาน ก็จะไม่มีเราอีก เป็นเช่นนี้ หรือใครจะกล้าแย้ง จึงควรทำความดีในขณะที่เรามีชีวิต ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้ ผู้รู้ธรรมสู้ผู้ปฏิบัติธรรมไม่ได้ ผู้ปฏิบัติธรรมสู้ผู้เข้าถึงธรรมไม่ได้

คนประเภท “กาแฟ” สามารถตั้งรับกับอุปสรรค ปัญหา ได้ดี ยิ่งมีปัญหา สามารถตั้งรับและทำให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพในชีวิตมากขึ้น ถ้าเป็นเรื่องของงาน คนประเภทนี้ทำงาน ไม่ให้งานทำคน ทำให้งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผสมผสานชีวิตกับงานให้เข้ากันได้ ทำให้ชีวิตรักการงาน เมื่อถึงสภาวะที่เลวร้ายที่สุด จะสามารถจัดการกับชีวิตตนเองได้แล้ว และยังสามารถทำสิ่งรอบข้างให้ดีขึ้นได้ด้วย อุปสรรคทำให้คนเข้มแข็ง เก่งขึ้น แกร่งกล้าขึ้น อุปสรรคเป็นดุจเครื่องประดับของนักปราชญ์ ทำให้เรามีประสบการณ์ใหม่ สร้างความรู้ ทักษะ และความสามารถใหม่ๆ ให้กับเรา.

#wordofwisdom #management