เสน่ห์ขององค์กร

ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานกีฬาองค์กรสัมพันธ์เป็นครั้งแรก บรรยากาศสนุกสนานและเป็นแบบกันเองดีครับ แต่ละองค์กรก็มีธงกีฬาของตนเอง เสื้อสีประจำองค์กร ทำให้เป็นว่าใครอยู่องค์กรใด และรวมกันเป็นกลุ่มเป็นคณะ ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบเวลารับประทานอาหารค่ำ ก็ยังนั่งเป็นคณะเป็นโต๊ะเป็นทีม

ทำให้ผมนึกถึงจุดขายของแต่ละองค์กร จนถึงแต่ละธุรกิจ หรือแต่ละประเทศ เป็นจุดเด่นหรือเป็นเสน่ห์ขององค์กร ตัวอย่างเช่นถ้าพูดถึงประเทศที่ได้รับการกล่าวขานว่า “Fully Industrialized Country” เราก็จะเอ่ยถึงประเทศเยอรมัน จุดเด่นของคนเยอรมัน จะเป็นคนที่ทำจริงทำจัง เอาจริงจังแทบทุกเรื่อง เวลาทำงานทำเต็มที่ ไม่มีใครอู้งาน ไม่มีใครกินแรงเพื่อน คอยเอาเปรียบเพื่อน และใครไม่เป็นเช่นนั้นก็จะถูกเพื่อน ๆ กล่าวตำหนิ ไม่ยอมคบหาสมาคม เขาไม่นิยมทำโอที ไม่ทำงานนอกเวลางาน พอหมดเวลาทำงานก็กลับบ้าน ให้เวลากับครอบครัว ไม่สังสรรค์เที่ยวเตร่นอกบ้าน ไม่นิยมทำงานในวันหยุด ห้างร้านจะปิดในวันเสาร์อาทิตย์ ไม่นิยมใช้บัตรเครดิต หรือชอบซื้ออะไรแบบเงินผ่อน ไม่นิยมสร้างหนี้ ไม่นิยมเอาทรัพย์สินไปจำนองจำนำกู้เงินเสียดอกเบี้ย วันหยุดก็นิยมอยู่กับครอบครัว หรือไปทำพิธีทางศาสนา นี่ก็ถือเป็นวัฒนธรรมที่เป็นเสน่ห์ของเยอรมัน

พูดถึงญี่ปุ่น เราก็จะเอ่ยถึงความมีระเบียบวินัย การเป็นคนตรงต่อเวลา นิสัยรักประเทศหรือชาตินิยม อัธยาศัยที่ดีงาม รักความสวยงามและความสะอาด เป็นประเทศที่คนไปเที่ยวแล้วสุขใจสบายใจ เพราะมีความปลอดภัยสูงมาก เป็นประเทศที่ผมมีโอกาสไปมากที่สุด และอยู่นานที่สุด ในข้อนี้ถ้ามาเปรียบเทียบกับประเทศไทยอาจจะเห็นได้ว่า ของเรายังด้อยอยู่มาก เพราะยังขาดความมั่นใจในความปลอดภัย ยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ว่า เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์ของความอบอุ่น ความสุขและความปลอดภัย

เสน่ห์ของประเทศไทยก็คงเป็นธรรมชาติที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ และค่าใช้จ่ายไม่สูง กล่าวกันว่าอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว และเป็นประเทศที่ประชาชนยิ้มแย้มแจ่มใส “สยามเมืองยิ้ม” พบคนไทยร้อยคนมีคนยิ้มไม่ต่ำกว่าแปดสิบคน

เราเคยได้ยินว่าประเทศไทยเป็น “สยามเมืองยิ้ม” เอาเข้าจริง ๆ แล้วคำกล่าวนี้ค่อย ๆ จางหายไป ไม่ได้เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยแล้ว กลับมองดูว่าเป็นประเทศน่ากลัว น่าอันตราย ไม่น่ามาเที่ยวสักเท่าไร ซึ่งเราคงต้องกู้ชื่อนี้มาให้ได้

นั่งสายการบินบริการดี ก็ต้องสายการบินไทย แต่ถ้าสายการบินบริการแบบประหยัดราคาถูกมาก ก็ต้องสายการบินแอร์เอเชีย ผมนั่งครั้งแรกเกือบยี่สิบปีมาแล้ว ไปมาเลเซียเพื่อสัมมนา จองเองอยากไปเองเพราะได้ยินว่าประหยัดที่สุด ก็เลยคิดประหยัดให้บริษัทแรก ๆ คนบ่นเรื่องแย่งชิงที่นั่งกัน แต่ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่เขาก็มีการปรับปรุงระบุที่นั่งให้ในภายหลัง ถ้าเป็นห้างโลตัสเขาก็โชว์ความเป็นร้านค้าสินค้าราคาถูกที่สุด แต่ถ้าเป็นร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ก็ต้องบอกว่า หิวเมื่อไรก็แวะมาหาเพื่อนสะดวกที่สุดกับการบริการยี่สิบสี่ชั่วโมง

แต่ละองค์กร แต่ละประเทศก็สร้างเสน่ห์ให้เป็นจุดขาย สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการ แล้วองค์กรของเรา มีจุดขายที่เป็นเสน่ห์ไม่รู้ลืมผู้บริการมีอะไรบ้าง วัฒนธรรมองค์กร ที่เป็นเสน่ห์เป็นจุดที่สร้างความชื่นชมของแต่ละองค์กรนั้น แต่ละองค์กรสร้างขึ้นเอง เหมือนที่ยกตัวอย่างภาพกีฬาสามัคคีหกองค์กรนั้น ที่แต่ละองค์กรสร้างขึ้นเองในแต่ละองค์กร

ยกตัวอย่าง ในองค์กรของเรา เราจะสร้างร่วมกันให้เป็นดังต่อไปนี้ได้

องค์กรแห่งรอยยิ้ม ยิ้มให้กันและกัน ยิ้มให้ผู้มาเยือนยิ้มให้ผู้ใช้บริการ

1.มีเอกลักษณ์ของการแต่งกาย ตรงนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบแล้ว แต่อยากเน้นแต่งอย่างนี้เมื่อไปภายนอกองค์กร ไม่ใช่เพียงในองค์กร เป็นการโชว์เอกลักษณ์ให้บุคคลภายนอกไม่ใช่เฉพาะโชว์กันเองในองค์กรอย่างเดียว

2.เสน่ห์ของธุรกิจ ที่เป็นธุรกิจบริการ ต้องมีจิตวิญญาณของนักบริการ มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ

ในการบริการไม่ใช่ของหน่วยงานใดโดยเฉพาะ แต่เป็นของทุกหน่วยงานในองค์กร เรามาสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีเสน่ห์ในด้านการบริการ ทุกคนเป็นธุระ ทุกคนมีจิตวิญญาณเป็นคนบริการ ใส่ใจในการบริการ

3.เลียนแบบวัฒนธรรมเยอรมันกับญี่ปุ่นกันจะดีไหม เช่น ทำงานอย่างจริงจังในหน้าที่ ตรงต่อเวลา และปฏิบัติตนเป็นคนมีระเบียบวินัย มุ่งผลสัมฤทธิ์สูงให้กับองค์กร เอาใจแลกใจในระหว่างองค์กรกับผู้ปฏิบัติงาน เรารักองค์กร องค์กรรักเรา และเรารักเพื่อนร่วมงานของเรา มีเป้าหมายเดียวกันในการบริการ ทำงานสู่ความเป็นองค์กรเดียวกัน

ที่สำคัญ จะเป็นจุดขาย จะเป็นเสน่ห์หรือจุดเด่นขององค์กรได้ ต้องเป็นวัฒนธรรมที่คนในองค์กรทุกคนร่วมกันทำ หรือเกือบหมดทุกคน ถ้าทำเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ก็คงไม่สามารถเป็นวัฒนธรรมเด่นขององค์กรได้ และจงสังเกตดูว่าอะไรที่ดีและแตกต่างกับองค์กรอื่น เราจะนำมาร่วมกันทำ เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่องค์กรของเรา

#management #organization #wordofwisdom