top of page
ค้นหา

ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ คีย์แมนแห่งเมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ ปลุกกระแสคอนโดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ สู่ผู้นำธุร

  • Executive VISION
  • 8 เม.ย. 2558
  • ยาว 2 นาที

55.jpg

ออกตัวว่ายัง “ใหม่” ในวงการอสังหาฯ แต่ผลงานที่ ดร.บี “สุริยา พูลวรลักษณ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทายาทคนสุดท้องของคุณจำเริญ พูลวรลักษณ์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังมาเกือบ 10 ปี ย่อมพิสูจน์ความสามารถในการบริหารงานของเขาได้เป็นอย่างดี

ดังจะเห็นได้จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับโครงการแฮมพ์ตัน (Hampton) คอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมแห่งแรกของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ในย่านทองหล่อซอย 10 รวมถึงโครงการอกัสตัน (Aguston) คอนโดมิเนียมหรูระดับ 5 ดาว ย่านสุขุมวิท 22 หรือจะเป็นโครงการรีเฟลคชั่น (Reflection) คอนโดมิเนียมหรูที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น First Super Luxury แห่งแรกของพัทยา ซึ่งทุกโครงการล้วนแต่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ดีกรีปริญญาเอกทางด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส และพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ส่งผลให้ ดร.บี วางแผนกลยุทธ์ได้อย่างแยบยล และแม้สภาพเศรษฐกิจและตลาดจะมีความผันผวน แต่ที่อยู่อาศัยก็ยังคงเป็นปัจจัย4ที่เป็นที่ต้องการ ดังนั้น โครงการระดับหลายพันล้านในเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จึงยังคงทยอยเปิดตัวสู่ตลาดอสังหาฯ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป

ผู้บริหารหนุ่มวัย 39 ปี คีย์แมนคนสำคัญที่ก้าวเข้ามาช่วยธุรกิจของเครือเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2006 ปัจจุบันเขาดูแล 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการ MARQUE Sukhumvit (มาร์ค สุขุมวิท) ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียม มูลค่ากว่า 6.5 พันล้าน บนทำเลทองติดถนนสุขุมวิทปากซอย 39, โครงการ Manor Sanambinnam (แมเนอร์ สนามบินน้ำ) จ.นนทบุรี คอนโดมิเนียมสไตล์คลาสสิค โคโลเนียลมูลค่ากว่า 3 พันล้าน ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการ Marrakesh Hua Hin Resort and Spa (มาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา) รีสอร์ทหรูมีระดับสไตล์ นีโอ-โมร็อคแคน ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

สำหรับโครงการทอล์คออฟเดอะทาวน์ ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ คือ โครงการ MARQUE Sukhumvit คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ จำนวน 149 ยูนิต ซึ่งผู้บริหารหนุ่มให้ความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่บนทำเลที่ดีที่สุดและสูงที่สุดคือ 222 เมตรบนถนนสุขุมวิท ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปทรง Crystal Shape ก่อสร้างด้วยวัสดุคุณภาพมาตรฐานระดับเวิลด์คลาส รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยแบบเหนือระดับ ในราคาเริ่มต้นยูนิตละ 32 ล้านบาท ไปจนถึงเพ้นท์เฮาส์ราคากว่า 200 ล้านบาท โครงการ MARQUE Sukhumvit จึงเป็นคอนโดมิเนียมที่รวมเอาความเป็นที่สุดไว้ด้วยกัน

50.jpg

“เรามีข้อได้เปรียบของการอยู่ในพื้นที่สุขุมวิทส่วนกลาง สามารถที่จะเดินทางไปทะลุอโศก เพชรบุรี ทองหล่อ เนื่องจากพื้นที่จะเป็นพื้นที่เล็กๆ ติดกันหมด ในซอยเหล่านี้ก็จะมีร้านอาหารจำนวนมาก และเป็นพื้นที่ๆ เรียกว่าเป็นคนไทยตระกูลเก่าแก่ที่ค่อนข้างจะอยู่มานานพอสมควร ดังนั้นทำเลจึงไม่ได้แพ้ย่านราชดำริหรือ ราชประสงค์ อาจจะ practical กว่าด้วยซ้ำ เพราะว่าใกล้รถไฟฟ้า อยู่บริเวณแหล่งช้อปปิ้ง รวมถึงยังมีร้านอาหาร ฟิตเนส สวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ และมีโรงพยาบาลรายล้อม นอกจากนี้ข้อได้เปรียบอีกอันคือเราอยู่ในฝั่งสุขุมวิทที่เป็นซอยเลขคี่ คือถ้าเรามาดูกันแล้ว สุขุมวิทฝั่งเลขคี่ จะพรีเมียมกว่าฝั่งเลขคู่ ราคาต่อตารางเมตรจะไม่เท่ากัน” อรรถาธิบายถึงจุดเด่นของโครงการ MARQUE Sukhumvit ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์จนมียอดจองถึง 40 เปอร์เซ็นต์ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวโครงการไปไม่นาน

การจับกลุ่มลูกค้าระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ไม่น้อย เนื่องจากทุกอย่างต้องมีความพรีเมียมและเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคนพิเศษ ดังนั้น MARQUE Sukhumvit จึงแตกต่างจากคอนโดมิเนียมทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

“MARQUE ไม่ใช่คอนโดมิเนียมที่เรียกว่านอนตอนกลางคืนแล้วตอนเช้าตื่นไปทำงาน มันเป็นอะไรที่เราต้องการให้เป็นบ้าน หรือเป็นที่อยู่อาศัยจริงๆ และเน้นคุณภาพชีวิตด้วย ดังนั้นใน 2 ห้องนอนบนพื้นที่ 124-136 ตร.ม. เรามีครัวไทยและครัวโชว์ มีห้องที่เรียกว่า powder room ซึ่งเป็นห้องน้ำสำหรับแขก โดยเน้นพื้นที่ทั้งหมดให้กับ โซน Living and Dinning เพราะเราเชื่อว่าคนอยู่คอนโด จะใช้เวลาในพื้นที่นี้ค่อนข้างมาก แต่ถ้าเป็นห้องที่เรียกว่าห้อง 2+1 คือ 2 ห้องนอน และมีอีก 1 ห้องทำงาน ขนาดอยู่ที่ประมาณ 150 กว่า ตร.ม. ส่วน 3 ห้องนอนก็ประมาณ 174 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งเป็นอะไรที่เราเรียกว่าใหญ่มากแล้ว” ไม่เพียงเท่านั้นยังมีห้องเพ้นท์เฮ้าส์ขนาด 280-600 ตร.ม.อีก 7 ห้อง และห้องพักสำหรับรับรองแขกคนพิเศษชั้นบนสุด รวมถึงพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ Recreational Park สวนขนาดใหญ่ถึง 400 ตร.ม., ฟิตเนส, สระว่ายน้ำระบบน้ำวนและจากุซซี่, ห้องซาวน์น่า, ห้องสปา, ห้องโยคะ, สคอวร์ชคอร์ท, กอล์ฟซิมูเลเตอร์, ห้องสมุด, สกายซิการ์และไวน์บาร์, Sky Sunken and Floating desk จุดชมวิวและพักผ่อน ณ ชั้น 43 เป็นต้น

ส่วนโครงการ Manor Sanambinnam คอนโดมิเนียมระดับMid-end ขนาด 1,848 ยูนิต บนพื้นที่ 12 ไร่ ย่านสนามบินน้ำ ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะแล้วเสร็จในปี 2558 นั้น ดร.บีเผยถึงจุดเด่นของโครงการดังกล่าวว่า ความที่ทำเลอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทัศนียภาพของธรรมชาติ และความเงียบสงบ รวมถึงการมอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่สะดวกครบครัน จึงตอบสนองไลฟ์สไตล์อย่างมีระดับของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

52-C.jpg

“คอนเซ็ปต์ของเราคือต้องการจะทำสินค้าที่มีความพรีเมียม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เราสามารถที่จะแสดงให้เห็นภาพถึงระดับหนึ่งว่าเมเจอร์ เป็น Developer ที่ทำโครงการ Hi-end เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีการแตกออกมาเป็นแบรนด์ต่างๆ แต่ก็เป็นกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลง เป็น Young Generation แต่ในส่วนของคุณภาพแล้ว เรายังเน้นความเป็นพรีเมียมอยู่ เพิ่งจะมีช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าธุรกิจพอโตถึงระดับหนึ่ง ก็ต้องมีการแตกไลน์ไปในเซ็กเตอร์ อื่นๆ ด้วย โดยมีการทำโครงการที่เรียกว่าเป็นตลาดระดับกลาง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นการปรับตัวตามสภาพเศรษฐกิจและสภาพความต้องการของผู้ซื้อ” ผู้บริหารไฟแรงกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก

สนุกกับการเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์โครงการใหม่ๆ และบริหารธุรกิจคอนโดมิเนียมจนอยู่ตัว ปัจจุบัน ดร.บี ยังแบ่งเวลาดูแลธุรกิจโรงแรมภายใต้ชื่อ Marrakesh Hua Hin Resort and Spa ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โรงแรมแห่งแรกในเครือ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ ที่เกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของผู้บริหารที่เดินทางมาพักผ่อนเมืองตากอากาศแห่งนี้ อยู่บ่อยๆ จึงสร้างสรรค์โครงการในลักษณะที่เรียกว่า Mix Used นั่นคือ การจัดสรรโครงการที่มีความหลากหลายภายใต้พื้นที่ในหนึ่งเดียว เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งทางเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ได้ดีไซน์โครงการออกมาเป็น 2 ส่วน คือ โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมจำนวนกว่า 400 ยูนิต และโครงการโรงแรมขนาด 76 ห้อง จึงนับเป็นบิสซิเนสโมเดลที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมได้เป็นอย่างดี

“คนที่ไปเที่ยวหัวหินส่วนมาก ไปพักผ่อน ดูวิวทะเล ตากอากาศไปเรื่อยๆ จะเข้าไปในตลาดหัวหิน รถก็อาจติดพอสมควร ลูกค้าบางส่วนจึงอยากที่จะอยู่ในห้องพักตัวเองมากกว่า อาจจะมานั่งรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร อัล ฮัมราของโรงแรม หรือ Beach Bar ของเราที่ชื่อ อัล จันนา ก็มีลูกค้าที่มาจากคอนโดเยอะพอสมควร และเนื่องจากหัวหินปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมมากในหมู่คนไทย ซึ่งแต่ก่อนต้องรอถึงวันหยุดยาวถึงจะไปเที่ยวทะเล แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว ทุกวันศุกร์-เสาร์จะมีคนเต็มไปหมดเลย

52-A.jpg

ปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้มาราเกชฯ ซึ่งตั้งอยู่บนโซนชายหาดที่กว้างขวางเป็นพิเศษและสวยที่สุดของหัวหินได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี สำคัญไปกว่านั้นคือมนต์เสน่ห์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและการตกแต่งที่สะท้อนความเป็น “เมืองแห่งสีสัน” ราวกับสรวงสวรรค์แห่งดินแดนอาหรับ จึงทำให้ ที่นี่เป็นเสมือนดินแดนสุดแสนโรแมนติกในฝันของคู่รัก คู่ฮันนีมูน คู่แต่งงาน หรือเป็นสถานที่พักผ่อนที่หรูหรามีระดับและมีสไตล์สำหรับครอบครัว

“ธุรกิจโรงแรมเป็นอะไรที่ต้องเอาใจใส่ตลอดเวลา และขึ้นอยู่กับฤดูกาล ทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องมาดูกันในแต่ละเดือน เรียกว่าเป็นธุรกิจที่ไม่มีวันจบ (never ending business) แตกต่างจากคอนโดมิเนียมที่ว่าทำโครงการเสร็จขายหมดก็จบ แต่สำหรับเมเจอร์ ก็ไม่ได้ขายหมดและทิ้งลูกค้าไป ปัจจุบันมีการตั้งบริษัทย่อย มาบริหารตึกด้วย” นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง อธิบายให้เห็นภาพความแตกต่างการบริหารธุรกิจคอนโดและโรงแรม

เกือบ 10 ปี ของการก้าวสู่ธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัว กระทั่งวันนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ขยายอาณาจักรด้วยการเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ทว่า ดร.บี ยังมีเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง ด้วยเชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงานที่มีอยู่

52-B.jpg

“เป้าหมาย น่าจะเป็นเรื่องของขนาดของบริษัท และในส่วนของโครงการที่ทำ คือจริงๆ งานอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างที่จะยืดหยุ่นมากๆ รูปแบบสินค้าเป็นอะไรที่แล้วแต่ว่าคุณจะจินตนาการไปได้แค่ไหน ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คุณจะต้องมองให้ขาดว่าในอนาคต ความต้องการของลูกค้าจะเป็นแบบไหน ต้องเดาว่าไลฟ์สไตล์และเทรนด์การใช้ชีวิตของคนจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใด อาจต้องหาอะไรใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มมูลค่าให้กับตัวโครงการ ซึ่งไอเดียเหล่านี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จากการคิดขึ้นมาเองบ้าง เลียนแบบต่างประเทศบ้าง ซึ่งไม่ผิดอะไรที่จะไปดูเขาว่าเขาทำกันอย่างไร แล้วนำไอเดียที่ดีกลับมาใช้ รูปแบบบางอย่างอาจจะเหมาะกับประเทศหนึ่งแต่ไม่เหมาะกับประเทศหนึ่ง

ส่วนตัวก็สนุกกับการทำงาน และพยายามที่จะหาไอเดียใหม่ๆ ตามเทรนด์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์เรียกว่าโฟกัสในส่วนของคอนโดมิเนียมมากกว่า แต่อย่างที่บอกว่าบริษัทเราน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ ในส่วน ของการแตกไลน์สินค้า ทั้งในแง่ของคอนโดมิเนียม จากที่เน้นระดับพรีเมียม เราก็แตกไลน์ไปตลาดระดับกลาง-ล่าง รูปแบบก็อาจจะเป็น High-rise, Low-rise บ้านเดี่ยว Town Home ไปจนถึงธุรกิจโรงแรม และ office building ซึ่งเรามีอยู่แล้ว แล้วเรามีองค์ความรู้พอสมควร ส่วนในการทำตลาดหรือราคาก็มียังอะไรให้ทำเยอะเหมือนกัน” ดร.บี กล่าว

แม้เป็นผู้บริหารระดับสูง แต่สไตล์การทำงานแบบรู้ลึก รู้จริง และให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้อยู่เสมอ ทำให้ ดร.บี ได้ใจทีมงานที่มีเกือบ 300 คน ถึงจะยกเครดิตให้พนักงานก็ตามที “ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้โครงการเสร็จสมบูรณ์ มีข้อบกพร่องน้อยที่สุด ถ้าทุกคนรู้ว่าเป้าหมายอยู่ตรงไหนก็จะพยายามช่วยๆ กันมากกว่า ทุกคนเสนอไอเดียได้ ช่วยกันคิดได้ แต่ทั้งนี้ต้องรู้ว่าความรับผิดชอบของตัวเองอยู่ตรงไหน คิดว่าจะต้องใช้ใจในการทำงาน ไม่ใช่ว่าจบ 5 โมงกลับบ้าน เราโชคดีว่าที่นี่พนักงานทุกคนสนุกกับการทำงาน เหมือนการคิดแทนเจ้าของในระดับหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะว่าขนาดยังไม่ได้ใหญ่มากเราเลยได้คุยกับทุกๆ คน” เผยหลักการบริหารงานที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง

ทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานในหลายโครงการ ดร.บี จึงเผยถึงวิธีบริหารเวลาใช้ชีวิตอย่างลงตัวด้วยรอยยิ้มว่า “สมมุติผมไปเที่ยว ก็พักผ่อนแล้วทำงานไปด้วยได้ จริงๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปเท่าไหร่ วันธรรมดาก็ทำงาน ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็พักผ่อน แต่ผมเป็นคนที่เอางานกลับไปทำที่บ้านด้วย ซึ่งไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เพราะเขาบอกว่าอย่าเอางานกลับไปทำที่บ้าน โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาอะไร ก่อนนอนก็อาจจะเอาคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเช็คอีเมลบ้าง” แต่หากมีเวลาว่าง ผู้บริหารหนุ่มเลือกที่จะออกกำลังกายด้วยการเล่นสคอวร์ช และแบดมินตันกับสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะทุกวันพุธหลังเลิกงานและวันอาทิตย์ เขามีนัดตีแบดมินตันกับคุณแม่วัย 73 ปี

“อันนี้ภูมิใจมากเพราะว่าเป็นคนชวนคุณแม่ตี เพราะจำได้ว่าตอนคุณแม่สาวๆ ท่านชอบตีแบด พวกพี่ๆ ก็กลัวว่าคุณแม่อายุมากแล้ว ปรากฏท่านตีได้ ตอนนี้จะตีเก่งกว่าผมอีก (หัวเราะ) นอกจากนี้ก็มีพี่ชาย (คุณสุริยน) กับหลานๆ มาตีด้วยกันบ้าง แต่ส่วนมากก็จะมีผมกับคุณแม่และพี่สาว (คุณเพชรลดา) คือพยายามจะให้มีกิจกรรมของครอบครัว” ยังไม่นับทริปเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวปีละครั้งที่เขาตั้งเป้าทำให้ได้ในทุกๆ ปี และสำหรับปีนี้เขาวางแผนไปชื่นชมความงดงามของประเทศตุรกี

หลายคนบอกว่า ชีวิตมักเริ่มต้นในวัย 40 แต่สำหรับดร.บี ดูเหมือนว่า จะเป็นวัยที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้เขาจะถ่อมตัวว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นก็ตาม…. เพราะเป้าหมายความสำเร็จของ ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ คือการขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจคอนโดมิเนียมของเมืองไทย

54.jpg

 
 
 

Comments


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page