กรมการท่องเที่ยวเข้ม ผนึกกำลังกรมการปกครอง สร้างมาตรฐานธุรกิจนำเที่ยว-มัคคุเทศก์
- Advanced REPORT
- 5 เม.ย. 2558
- ยาว 1 นาที

กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ลงนามความร่วมมือในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทะเบียนราษฎร์และข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อตรวจสอบขอมูลเบื้องต้นของผู้ประกอบการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ก่อนอนุมัติหรือต่ออายุใบอนุญาตอีกหนึ่งมาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันและเฝ้าระวัง ช่วยลดปัญหาหลอกลวงต้มตุ๋น ตลอดจนพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เป็นภาคส่วนสำคัญยิ่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากเป็นผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวโดยตรง ดังนั้นกรมท่องเที่ยวจึงได้ร่วมมือกับ สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ในการใช้ฐานข้อมูลในการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหลอกหลวงนักท่องเที่ยวของบริษัททัวร์และมัคคุเทศก์
วันที่ 3 เมษายน 2558 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการขอใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และการขอใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ระหว่างกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว และ ดลเดช พัฒนรัฐ รองอธิบดี กรมการปกครอง ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ ทั้งนี้จากความร่วมมือดังกล่าวทำให้กรมการท่องเที่ยวสามารถนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์จากกรมการปกครองไปใช้ประโยชน์ในการพิจารณาออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาต การวางหลักประกันและการรับชำระค่าธรรมเนียมของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลประวัติของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ความร่วมมือในการใช้ประโยชน์ข้อมูลทะเบียนราษฎร์และการขอใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ อีกทั้งยังเป็นการป้องปรามและลดความเสี่ยงจากปัญหาการหลอกลวงและฉ้อโกงของบริษัททัวร์และมัคคุเทศก์ด้วย
“หลังจากที่มีการลงนามความร่วมมือดังกล่าวแล้ว สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์หน่วยงานในสังกัดกรมการท่องเที่ยว ซึ่งมีภารกิจหลักในการออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาต การวางหลักประกันและการรับชำระค่าธรรมเนียม ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ จะสามารถนำข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์มาใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของผู้ประกอบธุรกิจทัวร์และไกด์นำเที่ยวได้ โดยก่อนพิจารณาออกใบอนุญาตหรือต่ออายุให้แก่ผู้ประกอบการดังกล่าวนั้นเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนธุรกิจฯ จะขอข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้ประกอบการไปยังสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เพื่อนำมาประกอบการพิจารราว่าบุคคลนั้นๆ มีประวัติที่น่าสงสัยหรือมีปัญหาหรือไม่ ถ้าพบว่ามีพฤติกรรมที่น่าสงสัย เช่น มีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล หรือที่อยู่ในบัตรประชาชนบ่อยครั้งก็ต้องทำการตรวจสอบเพิ่มเติม และพิจารณาว่าควรออกใบอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาตให้หรือไม่
“กรมฯ สามารถนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์มาใช้ประโยชน์ในการจัดทำและบันทึกประวัติด้วย ซึ่งมาตรการตรงนี้จะช่วยคัดกรองไม่ให้ผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือมีประวัติที่น่าสงสัย เข้ามาสร้างปัญหาในธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้ปัญหาการต้มตุ๋นของบริษัททัวร์หรือไกด์นำเที่ยวลดน้อยลง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจด้วยความซื่อตรงและมีคุณภาพอยู่แล้วก็จะสร้างมาตรฐานของตนเองต่อไป เชื่อมั่นได้ว่าความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมการท่องเที่ยวกล่าว
Comments