top of page
ค้นหา

ก้าวที่กล้า และกล้าที่จะก้าว

  • Words of wisdom -- Credit by...Roj Wongprasert
  • 2 เม.ย. 2558
  • ยาว 1 นาที

ก้าวที่กล้า-และกล้าที่จะก้าว.jpg

ผมนั่งเขียนบทความน้อยๆชิ้นนี้ เช้าวันหลังจากฟุตบอลทีมชาติไทยพ่ายแพ้ต่ออุบเบกิสถานในการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพที่จังหวัดนครราชสีมา นับว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน หลังจากที่ฟุตบอลทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของซิโก้มายาวนาน ก่อนหน้านี้ทีมชาติไทยสร้างเกียรติประวัติเป็นอันดับสี่ในเอเชี่ยนเกมส์จากการแข่งขันที่ประเทศจีน และต่อมาก็โด่งดังอีกโดยคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ นับว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่หลังจากสิบกว่าปีที่ฟุตบอลไทยตกต่ำมายาวนาน คนไทยมีความสุขกับฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นความสุขที่ไม่ได้รับมาหลายปี แม้ก่อนหน้านี้เราจะได้แชมป์ซีเกมส์ แต่ก็ไม่สุขเท่าครั้งนั้น ผมเฝ้าสังเกตดุว่า หลังจากผ่ายแพ้คิงส์คัพเกมส์นั้นแล้ว คนไทยจะมีความรู้สึกอย่างไร เศร้า ผิดหวัง โวยบ่นด่า หรือยังให้กำลังใจ เชียร์ และชื่นชมทีมชาติไทยต่อไป

ผมเห็นภาพที่นักฟุตบอลที่พ่ายแพ้ซึ่งยังเดินไปรอบๆ สนามแล้วทำความเคารพผู้ชมการแข่งขัน ซึ่งก็ดูดีเหมาสม ผู้ชมเองก็ไม่ได้ต่อว่าต่อขาน แต่กลับให้กำลังใจ “สู้ต่อไป” “ไม่เป็นไร เราเต็มที่แล้ว” ได้ยินแล้วก็อดภูมิใจทั้งผู้เชียร์ร่วมหมื่นกว่าคน และนักฟุตบอลทีมชาติชุดนี้เป็นอย่างยิ่ง มีสปีริตของนักกีฬาโดยแท้ ทั้งในระหว่างการแข่งขัน และหลังการแข่งขัน ต่างกับในอดีตที่ผ่านมา แน่นอนต้องชมเชยยอดโค้ชซิโก้ ที่สอนนักฟุตบอลไม่ใช่เพียงแต่เทคนิคการเล่น แต่สอนทั้งกริยามารยาทและความมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ

ก่อนหน้านี้ ผมนั่งนึกถึงสัจธรรมว่า ชีวิตคนมีรุ่งเรืองและก็มีตกต่ำสลับกันไป เพียงแต่ขอให้รุ่งเรืองยาวนาน ตกต่ำแล้วก็ขอให้รีบๆ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้ เพราะคนได้ยินอาจจะมองว่าเป็นการดูถูก เหยียดหยาม หรือบางคนก็อาจมองว่าคำพูดจะเป็นลางร้าย ทำให้โชคไม่ดี ถึงวันนี้ที่ท่านอ่านบทความน้อยนี้ ก็คงทราบผลแล้วว่าประเทศไหนได้แชมป์ รองแชมป์ และไทยอยู่ในระดับใด

เกจิอาจารย์มักจะพูดว่า ผิดเป็นครู...แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร...ผู้ประสบความสำเร็จจะต้องมีสี่กล้า คือ...กล้าคิด ...กล้าทำ...กล้าล้มเหลว...และกล้าสำเร็จ...และต้องสัมผัสกับสี่กล้านี้ท่านจึงจะประสบความสำเร็จได้

กล้าคิด...จุดอ่อนของพวกเราคือ ไม่ค่อยยอมคิดใหม่ทำใหม่ ชอบอนุรักษ์รูปแบบเดิม ใครที่คิดออกนอกกรอบรูปแบบเดิม ก็จะถูกคัดค้าน ไม่เป็นที่พอใจของส่วนรวม บางท่านกลัวว่าการเปลี่ยนแปลงจะกระทบงาน จะทำให้เกิดความลำบากแก่หมู่คณะ มองคนที่คิดเปลี่ยนแปลงว่า แส่....ไม่เข้าเรื่อง...

จำได้ว่า ครั้งหนึ่งผมได้ย้ายบริษัทไปรับงานที่ใหม่ บริษัทที่ใหม่งานไม่ค่อยสู้ดี คงต้องคิดเปลี่ยนแปลง ผมได้ยินพนักงานบางท่านพูดว่า “เขาอยู่ของเขาสบายๆ ดีอยู่แล้ว มาปรับเปลี่ยนระบบอะไรให้วุ่นวาย ทำให้เขาเดือดร้อนลำบาก” หลายคนแอนตี้ แต่แล้วอยู่ๆ ไปเขาก็ต้องจำยอม เพราะการเปลี่ยนแปลงทำให้อะไรๆดีขึ้น ... หนังสือเล่มหนึ่ง เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นหนังสือขายดีที่สุด ดีที่สุดมาหลายสิบปีแล้ว คนชอบอ่านมา ชื่อเรื่อง “คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก” โลกต้องเปลี่ยนแปลง ใครคิดก่อนย่อมได้เปรียบก้าวล้ำนำหน้าก่อนคนอื่นที่คิดช้า หรือไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไร

กล้าทำ...กล้าคิดเป็นการสร้างความรู้ Why และ How อีกนัยหนึ่งคือ Plan แต่กล้าทำเป็นการเอาความรู้เอาเหตุผลนั้นไปปฏิบัติ ทำให้เกิด Skill หรือ Experience หรือ Action คนที่ขยันทำย่อมได้ผลงานมากกว่าคนที่ไม่ขยันหรือขยันน้อยกว่า ผมพูดในการอบรมบ่อยๆ ว่า ทรัพยากรอย่างหนึ่งที่มนุษย์ได้รับความเป็นธรรม นั่นก็คือเวลา เวลาของแต่ละคนมีเท่ากันคือวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ปรากฏว่าบางคนใช้เวลาแต่ละนาทีให้เกิดคุณค่า แต่บางคนปล่อยเวลาให้เสียไป เวลาของคนสามารถแปลงเป็นเงิน และความสำเร็จได้ แต่เงินทองหรือความสำเร็จจะมาแปลงเป็นเวลาไม่ได้.....แต่ละคนมีคุณค่าตามเวลาต่างกัน บางคนค่าเวลาว่าจ้างกันเป็นนาที แต่บางคนอาจจะเหมาทั้งวัน เพราะฉะนั้น ต้องกล้าทำ เมื่อทำแล้วทำเต็มที่ แพ้ชนะว่ากันไป ภูมิใจว่าเราทำแล้ว ผลเป็นอย่างไร...ว่ากันต่อไป

มีการวิจารณ์จากผู้นำคนต่างประเทศกล่าวว่า จุดอ่อนของคนไทยข้อแรกไม่กล้าเปลี่ยนแปลง เคยอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น จำนวนกว่า 60% ของคนทำงาน ทำงานแบบไร้เป้าหมายและไร้อนาคต ทำไปเรื่อยๆ ขาดความกระตือรือร้น กลัวความผิดพลาด ต้องกล้าที่จะทำ ทำอย่างจริงจัง มานะและมีความอดทน

กล้าที่สาม กล้าล้มเหลว...สุภาษิตจีนกล่าวว่า ล้มกี่ครั้งไม่สำคัญ สำคัญว่าเมื่อล้มแล้วเราลุกขึ้นต่างหาก ไม่มีผู้ประสบความสำเร็จที่ไม่เคยล้มเหลว ผู้สำเร็จจะต้องพบกับความผิดพลาด ผิดที่คาดหวัง แต่เรามีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป... การ “ผิดพลาด” เกิดขึ้นกับทุกคน แต่การ “สำนึกตน” เป็นเรื่องของบางคน...ที่ “คิดได้” สำคัญอย่างหนึ่ง เราอย่าหลงตัวหรือลืมตัว พอประสบความสำเร็จแล้วลืมความล้มเหลว ลืมเตรียมรับกับความล้มเหลว......มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อเรื่อง “กล้าล้มเหลว” ขายดีมากเช่นกัน ผู้อ่านบางคนอาจจะคิดสงสัยเลยซื้อมาอ่าน อย่าเข้าใจผิดว่า รู้ว่าทำอย่างนี้แล้วล้มเหลว ก็กล้าทำ อย่างยอมรับสภาพล้มเหลว หนังสือเล่มนี้แนะนำเราว่า เรามุ่งมั่น เราคาดหวังความสำเร็จในที่สุด แต่ก็ปันใจรับหากล้มเหลว หากเราไม่คิดว่าความล้มเหลวมีคุณประโยชน์ นั่นเป็นเรื่องของคนที่ลงโทษตนเอง ผิดหวังแล้วหมดกำลังใจ เสียขวัญและก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวจะล้มเหลว ในที่สุดก็จะไม่ได้อะไรเลย ดังนั้นต้องกล้าทำและถ้าจะผิดพลาดก็ไม่เป็นไร ประสบการณ์จะต้องทำให้เราหนักแน่นยิ่งขึ้น

กล้าสุดท้าย กล้าสำเร็จ เรื่องนี้มีหนังสือเขียนมากมายหลายเล่ม เพราะใครๆ ก็สนใจ แสวงหาวิธีทำให้ประสบความสำเร็จ แต่จากประสบการณ์มีคำแนะนำว่า ก้าวหน้าต้องได้สองอย่าง อย่างเดียวไม่มี อย่างแรกคือได้ความก้าวหน้า ได้ตำแหน่งงานสูงขึ้น แต่อย่างที่สองคือ ได้รับหน้าที่มากขึ้น ความรับผิดชอบสูงขึ้น ไม่มีว่าขอเอาแต่เงินเดือนสูงแต่งานไม่ทำเพิ่ม ความรับผิดชอบไม่ต้องมาเพิ่ม ประเภทวิ่งหนีหน้าที่ความรับผิดชอบเอาแต่ตำแหน่งและเงินเดือนเพิ่มนั้น ในโลกของความเป็นจริงนั้นไม่มี กล้าสำเร็จจึงหมายไปจนถึงว่า กล้าที่จะรับผิดชอบสูงขึ้น กล้าที่จะรับงานมากขึ้น กล้าที่จะเหนื่อยและทุ่มเทมากกว่าเดิม กล้าที่จะเป็นผู้ (แนะ) นำคนอื่น องค์กรแห่งความสำเร็จนั้น เราจะเห็นว่ายิ่งปีเป้าหมายยิ่งสูง ไม่ใช่เป็นว่าเมื่อสิบปีที่แล้วเป้าหมายผลงานก็เท่านี้ ปัจจุบันเป้าหมายก็เท่านี้ ได้ผลงานมากขึ้นพนักงานก็เพิ่มขึ้น พนักงานเงินเดือนก็มากขึ้น หากอยู่อยู่กับที่เท่ากับไม่กล้าก้าวสู่ความสำเร็จ เพราะโลกธุรกิจเป็นโลกของการแข่งขันจึงต้องกล้าสำเร็จ

หากฟุตบอลไทยอยากได้แชมป์คิงส์คัพ ไม่ยากเลย เพียงแต่ไปเชิญที่ด้อยหรืออ่อนกว่าเรามาแข่งเท่านั้น แล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะฟุตบอลไทยจะต้องไปแข่งฟุตบอลโลก จึงต้องหาทีมที่เหนือกว่ามาทดสอบฝีเท้า ว่าสู้เขาได้แค่ไหน ฉันใดก็ฉันนั้น งานขององค์กรก็เป็นเช่นเดียวกัน ขอเพียงพนักงานในองค์กรต้องมีความกล้าทั้งสี่ประการข้างต้น สร้างวัฒนธรรมองค์กร ด้วยการทำงานเป็นทีม (Team Work) ทุกคนทำงานแบบกระตือรือร้น (Active) และมีจิตวิญญาณรักการบริการการช่วยเหลือผู้อื่น (Service Mind) เพิ่มคุณค่า ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร และรวมพลังรักสามัคคีกันให้สมบูรณ์แบบเท่านั้น Customer Focused คือให้ความสำคัญแก่ลูกค้า และสุดท้ายสิ่งที่ทีมฟุตบอลทีมของซิโก้มีแตกต่างกับทีมชาติไทยในอดีตบางทีม ก็คือ มีจิตใจของนักกีฬา เคารพกฎกติกา ไม่เล่นนอกกติกา ไม่รุนแรง จึงได้รับความชื่นชมจากคนไทย ได้ยินคำพูดว่า “ดูบอลไทยดูมวยโลก” กับยุคนี้เอามาพูดไม่ได้แล้ว

ทำทีมทำงานให้ได้เช่นเดียวกัน ชนะแน่ ถ้าแพ้ ก็แพ้ในเกมส์ แต่ชนะใจกองเชียร์หรือคนดู มีแต่คำสรรเสริญครับ.

"สุภาษิตจีนกล่าวว่า ล้มกี่ครั้งไม่สำคัญ สำคัญว่า

เมื่อล้มแล้วเราลุกขึ้นต่างหาก ไม่มีผู้ประสบความสำเร็จที่ไม่เคยล้มเหลว

ผู้สำเร็จจะต้องพบกับความผิดพลาด ผิดที่คาดหวัง แต่เรามีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป... การ “ผิดพลาด” เกิดขึ้นกับทุกคน แต่การ “สำนึกตน”

เป็นเรื่องของบางคน...ที่ “คิดได้”

สำคัญอย่างหนึ่ง เราอย่าหลงตัวหรือลืมตัว

พอประสบความสำเร็จแล้วลืมความล้มเหลว

ลืมเตรียมรับกับความล้มเหลว"

 
 
 

Comments


Follow "THIS JUST IN"
  • Facebook Basic Black
  • Twitter Basic Black
  • Google+ Basic Black

© 2015 by "Advanced Standard Group.co.ltd". All Right Reserved

| ADVANCED STANDARD GROUP CO., LTD. Tel. +662-881-3421-3

 

  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
  • White Twitter Icon
  • White Google+ Icon
  • White Pinterest Icon
  • White YouTube Icon
bottom of page